กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น (B-NIPPON)

กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น (B-NIPPON)

สรุปภาพรวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนีตลาดหุ้น Tokyo Stock Price Index (TOPIX) เพิ่มขึ้น +1.29% ในเดือน ก.ค. 2018 ปิดที่ 1,753.29 จุด

ตลาดหุ้นอ่อนตัวลงช่วงต้นเดือนเนื่องจากนักลงทุนขยับมามองหาสินทรัพย์ปลอดภัยหลังการตัดสินใจของทีมบริหารทรัมป์ในการปรับเพิ่มภาษีสินค้าต่อจีนเมื่อวันที่ 6 ก.ค. แต่ก็มีทิศทางดีขึ้นหลังจากนั้นเพราะนักลงทุนเริ่มสามารถประเมินถึงผลกระทบของภาษีสินค้าขาเข้าของสหรัฐฯต่อจีนได้มากขึ้น ความกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและยุโรปได้ผ่อนคลายลงหลังทีมบริหารทรัมป์ยอมถอดถอนแผนการขึ้นภาษีสินค้าประเภทรถยนต์ ทางด้านค่าเงินเยนนั้นอ่อนค่าลงสู่ 113 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หลังคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯเจเรมี พาวเวลล์ และประธานาธิบดีทรัมป์ว่าค่าเงินดอลลาร์ว่าไม่ควรแข็งค่ามากไปนัก การคาดการณ์ของตลาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจทบทวนมาตรการด้านนโยบายการเงินช่วงวันที่ 30-31 ก.ค. เป็นปัจจัยที่ทำให้ผลตอบแทนหุ้นญี่ปุ่นลดลงในช่วงสั้น จวบจนถึงช่วงสิ้นเดือนตลาดหุ้นญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้จากเหตุหลักคือ ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนรอบเดือนเม.ย.ถึงมิ.ย.นั้นออกมาดี

พิจารณาหุ้นญี่ปุ่นซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทจำนวน 33 กลุ่มอุตสาหกรรมนั้น 23 กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างผลตอบแทนเป็นบวกในเดือน ก.ค. โดยเฉพาะธุรกิจประเภทน้ำมันและถ่านหินที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีกำไรขั้นต้นดีขึ้นเนื่องจากโครงสร้างการทำธุรกิจของบริษัทในกลุ่มนี้เริ่มกลับมาเป็นแบบการทำธุรกิจกึ่งผูกขาด (Oligopolistic) หลังสมาชิกครอบครัวผู้ก่อตั้งบริษัทเหล่านี้ที่ดำรงความเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทยอมควบรวมบริษัทตนเองเข้ากันกับบริษัทของคู่แข่ง ทางด้านผลตอบแทนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกนั้นลดลงเพราะการฟื้นตัวอย่างซบเซาของยอดขายร้านสะดวกซื้อในประเทศ

Source: Nomura Asset Management Singapore Limited

มุมมองต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น

สำนักงานเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมประกาศตัวเลข Preliminary Industry Production Index รอบเดือนมิ.ย. ออกมาลดลง -2.1% จึงยังคงต้องติดตามนโยบายการค้าสหรัฐฯซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปิดกันการค้าแบบเสรีมากยิ่งขึ้น ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมจึงคาดว่าจะยังผันผวนต่อ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น +2.7% (mom) สำหรับรอบเดือน ก.ค. และเพิ่มขึ้น +3.8% (mom) สำหรับรอบเดือน ส.ค. 2018

ข้อมูลจาก Nomura Securities Financial & Economic Research Centre ได้ให้ไว้ว่าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนหลังหักผลจากความผันผวนของผลกำไรในส่วนอื่นแล้ว (Recurring Profit) ในรอบปีบัญชีนี้ (สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2019) จะเพิ่มขึ้น +8.7% แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงทางด้านปัจจัยภายนอกประเทศ บริษัทในภาคการผลิตส่วนใหญ่มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและมีลักษณะเฉพาะตัวด้านอื่นๆที่จะนำไปสู่การเติบโตของผลกำไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นกำไรสุทธิบริษัทรอบปีบัญชีถัดไป (สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2020) ได้รับการคาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น +10.9%

ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงอยู่ เศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถเติบโตได้แข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อที่ปรับด้วยค่าแรงเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. 2018 +1.3% ขณะที่อัตราการว่างงานซึ่งลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ สถาพแวดล้อมด้านตลาดแรงงานและการจ้างงานคึกคักมาก

  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สรุปผลการสำรวจที่เรียกว่า Tankan business sentiment report พบว่าเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรรอบปีบัญชี FY2018 เพิ่มขึ้น ผลสำรวจดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าตัวเลขสิ้นเดือนมิ.ย.สูงขึ้นกว่าเมื่อช่วงสิ้นสุดเดือนมี.ค. (สิ้นไตรมาสแรก)
  • อัตราเงินเฟ้อ ที่ไม่รวมอาหารสด ณ เดือนมิ.ย. 2018 ระดับ +0.80% yoy และมีทิศทางว่าจะลดลงต่อ ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วางไว้ที่เป้าหมาย 2%
  • ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 30 และ 31 ก.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เน้นย้ำว่ากรอบนโยบายการเงินที่วางไว้จะดำเนินต่ออย่างแน่วแน่และต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นธนาคารกลางอนุญาติ/ยอมให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวสามารถขยับขึ้นลงได้บ้างเพื่อให้สอดคล้องตามภาวะ/พัฒนาการทางเศรษฐกิจ และในส่วนของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินจะดำเนินต่อไปแต่จะทำให้ยืดหยุ่นขึ้น
  • ในปี 2019 การเลือกตั้งท้องถิ่นช่วงไตรมาสสอง ต่อด้วยการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรช่วงกลางปี และการขึ้นภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคจาก 8% ไป 10% ในไตรมาสสาม ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้
  • Nomura Asset Management คาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP รอบปีบัญชี 2018 ของญี่ปุ่น (ซึ่งจะสิ้นสุด ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2019) เพิ่มขึ้น +1.1% yoy
  • ด้านระดับราคาหุ้นสิ้นสุดเดือน ก.ค. ตลาดหุ้นญี่ปุ่นซื้อขายระดับ Price-to-Book Ratio 1.38 x, อัตรากำไรสุทธิเทียบราคาหุ้น (Earning per share/share price) 6.36%, อัตราเงินป้นผลคาดการณ์ 2.09% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่จ่าย 0.095%

Source: Nomura Asset Management Singapore Limited, Nomura Research Institute-based on the TSE 1st Section

ปัจจัยบวกและลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นช่วงครึ่งปีหลัง 2H2018

  • (+) จากการสำรวจบริษัทในเกียวโตจำนวน 113 บริษัทในเดือนก.ค.พบว่าร้อยละ 82 เชื่อว่าเศรษฐกิจขยายตัวในปีนี้ ด้วยแรงส่งของเงินลงทุนของบริษัทในสินทรัพย์ถาวรและการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ผลบวกที่ว่านี้จะยังดีอยู่แม้ว่าสหรัฐฯจะดำเนินนโยบายกีดกันการค้าอย่างไม่ลดละ
  • (+) แม้การบริโภคภาคครัวเรือนชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.แต่อัตราค่าจ้างที่แท้จริงเพิ่มขึ้นได้รวดเร็วมากที่สุดใสรอบ 21 ปี โดยได้รับอานิสงค์ของโบนัส (รายได้ที่เป็นเงินก้อนของคนญี่ปุ่น) ในช่วงฤดูร้อนเดือนมิ.ย.-ส.ค. จึงเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวนั้นจะยกระดับไปในวงกว้างและยาวนาน
  • (+/-) ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมแผนเบื้องต้นไว้ว่าเดือนก.ค.จะเริ่มส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยและจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ซึ่งนำไปสู่การจบสิ้นของการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำโดยไม่มีกำหนดกรอบเวลามาอย่างยาวนาน
  • (-) รัฐมนตรีซึ่งดูแลการฟื้นฟูเศรษฐกิจนาย Toshimitsu Motegi ชี้ว่าเขาขอให้สหรัฐฯยกเว้นประเทศญี่ปุ่นจากแผนการขึ้นภาษีศุลกากรรถยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งถือว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพราะสหรัฐฯได้เพิ่มภาษีสินค้าเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% ไปก่อนหน้านี้แล้วในเดือนมี.ค.

Source: Japan Times, Nomura Asset Management Singapore Limited, Nomura Asset Management UK Ltd., Capital Group

กลยุทธ์ลงทุนของ Nomura Japan Strategic Value Fund

แสวงหาผลตอบแทนด้วยการลงทุนระยะยาวในหุ้นญี่ปุ่น ด้วยการคัดเลือกบริษัทที่มีมูลค่ากิจการต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยพิจารณาจากความสามารถในการทำกำไรและการบริหารจัดการสินทรัพย์ ทั้งนี้จะมุ่งเน้นยัง

  • บริษัทที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินรวมถึงนโยบาย อันจะส่งผลบวกต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
  • บริษัทที่ได้เปรียบในเชิงแข่งขัน มีโอกาสเติบโตจากการปฏิรูปโครงสร้างทางการจัดการ และจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งต้องเป็นบริษัทที่มีงบการเงินแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่เพียงพอ หากต้องเพิ่มอัตราจ่ายเงินปันผลรวมถึงซื้อหุ้นคืน

กองทุนหลัก (Master Fund)

ชื่อ: Nomura Japan Strategic Value Fund ชนิดหน่วยลงทุน A class

นโยบายการลงทุน: เป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จดทะเบียนในประเทศไอร์แลนด์ มีนโยบายมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น อนึ่ง กองทุนอาจลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นอกประเทศญี่ปุ่น แต่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด

วัดที่จดทะเบียน: 26 สิงหาคม 2009

ประเทศที่จดทะเบียน: ไอร์แลนด์

สกุลเงิน: JPY

เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): Topix (Total Return)

Morningstar Category: Japan Equity

Bloomberg code: NOMJSJA

Fund size: JPY 143,099.9M

NAV: JPY 21,904 (A Class)

Number of holdings: 156

*ที่มา Nomura Asset Management Singapore Limited ข้อมูลวันที่ 30 มิ.ย.2018

น้ำหนักการลงทุนของบริษัทห้าอันดับแรก (Top 5 Active Weight Holdings)

  1. Nippon Telegraph and Telephone Corporation (สารสนเทศและการสื่อสาร) บริษัทโฮลดิ้งด้านโทรคมนาคมขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ครองส่วนแบ่งตลาดรวมถึงผูกขาดโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ มีแผนมุ่งเป้าในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการซื้อหุ้นคืน (Share buyback)
  2. TKD Corporation ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เช่นเทปแม่เหล็ก ตัวเกี่ยวนำแกนเฟอร์ไรต์ บริษัทขายแหล่งจ่ายพลังงาน ตัวเหนี่ยวนำ ตัวแปลงไฟฟ้า เซรามิคคาปาซิเตอร์ ส่วนประกอบของ LAN เซนต์เซอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ ตลาดของ TKD มีอยู่ทั่วโลก
  3. Sony Corporation ผลิตออดิโอ เครื่องเล่นเกมส์ในบ้าน การสื่อสารและอุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศให้กับตลาดผู้บริโภคและตลาดกลุ่มลูกค้าระดับมืออาชีพ บริษัทมีธุรกิจกลุ่มอื่นอาทิ เพลง ภาพ สื่อบันเทิง และธุรกิจออนไลน์
  4. Mitsubishi Estate (อสังหาฯ) ทำธุรกิจอสังหาฯชั้นนำที่มีการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย บริษัทกำลังปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอาคารสำนักงานใจกลางเมืองหลวงโตเกียวให้ดีขึ้น
  5. Sumitomo Mitsui Financial Group (สถาบันการเงิน) ทำธุรกิจภาคการเงินตั้งแต่ธนาคาร หลักทรัพย์ เครดิตการ์ด สินเชื่อธุรกิจ ในระยะกลางธุรกิจมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน

ที่มา:  Nomura Asset Management Singapore Limited ข้อมูลวันที่ 30 มิ.ย.2018