1.สหรัฐฯและจีนพึ่งพิงการส่งออกไปยังประเทศอื่นทั่วโลกคิดเป็นสัดส่วนที่ลดลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) พบว่า จีนพึ่งพาการส่งออก (China Export) คิดเป็นสัดส่วน 18% ของ GDP จีน (ในปี 2017) ลดลงจาก 36%  (ในปี 2006) ขณะที่สหรัฐฯ พึ่งพาการส่งออก (US Export) คิดเป็นสัดส่วน 12% ของ GDP (ในปี 2017)

หากมองลึกลงไปว่าสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจส่งออกสินค้าไปมาหากันขนาดไหนพบว่า

• จีนส่งออกไปสหรัฐฯ (China export to US) เพียง 2.5% ของ GDP จีน
• ขณะที่สหรัฐฯ ส่งออกไปจีน (US export to China) เพียง 1% ของ GDP สหรัฐฯ

ดังนั้น หากเกิดสงครามการค้าแบบเต็มรูปแบบจริงๆ กล่าวคือไม่ค้าขายกันเลยก็น่าจะกระทบต่อ GDP ทั้งสองประเทศประมาณ -0.17% จาก 6.5% และ -0.026% จาก 2.7% ตามลำดับ

2.แม้การค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ (Bilateral trade) จะมีสัดส่วนไม่มาก แต่เมื่อเทียบกับโลกพบว่าสูงขึ้นอย่างมีนัย โดยมูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเทียบโลกคิดเป็นสัดส่วน 22% ของมูลค่าการส่งออกทั้งโลกซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 15% (ปี 2005)

ดังนั้นแท้จริงแล้ว สงครามการค้าแบบเต็มรูปแบบไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศมหาอำนาจอย่างที่หลายคนกลัว แต่น่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นที่เป็นส่วนหนึ่งของ Supply chain ของทั้งสองประเทศนี้และ/หรือพึ่งพิงการป้อนสินค้าให้กับทั้งสองประเทศนี้มากกว่า ซึ่งได้แก่ อาเซียน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ตามลำดับ

ที่มา: Macroeconomic consequences would be surprisingly small: Capital Economics, Sep 12, 2018