ไชน่าเดลี รายงานว่า สตาร์บัคส์ บริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่วางแผนเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในโครงสร้างองค์กร โดยทางผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ว่า การนำเสนอบริการใหม่ของสตาร์บัคส์ในจีนนั้น ไม่ใช่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องนี้
เรื่องนี้อ้างอิงจากจดหมายของ Kevin Johnson ประธานเจ้าหน้าที่สตาร์บัคส์ ที่ถูกส่งไปให้กับพนักงาน ว่าจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งจะรวมถึงการเลิกจ้างคนในองค์กรด้วย โดยนี่ถือเป็นความพยายามในการต่อสู้กับยอดขายของร้านค้าปลีกกาแฟยอดนิยมที่ลดลง และทำให้นักลงทุนกลับมาสนใจอีกครั้ง
“เราจะต้องเพิ่มความรวดเร็วของนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของเรา พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจให้กับคู่ค้า และสร้างนัยสำคัญต่อธุรกิจของเรา ซึ่งการจะไปถึงแนวทางนี้ได้ เราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการทำงานของเราเพื่อเป็นผู้นำในทุกด้านของบริษัท” Johnson กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด 1 ก.ค. 2018 นั้น สะท้อนออกมาว่า ยอดขายร้านทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1% ส่วนยอดขายของร้านในจีนนั้นลดลงไป 2%
ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ ประกาศว่า มีแผนจะเปิด 600 สาขาใหม่ต่อปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เป้าหมายที่วางไว้ก็คือ จะต้องมีสาขาเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากสิ้นปี 2017 เป็น 6,000 สาขาใน 230 เมืองภายในปี 2022
สตาร์บัคส์ในจีนนั้น ได้เปิดตัวบริการส่งถึงที่เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมาในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายบริการลักษณะนี้ในมากกว่า 2,000 สาขาใน 30 เมืองในจีน ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเท่ากับว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของสาขาที่มีอยู่ปัจจุบันในจีนจะมีบริการนี้