กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X)

กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X)

วัตถุประสงค์การลงทุน: กระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในหลักทรัพย์ดังต่อไปนี้ ตราสารหนี้ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ภาคเอกชน ไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV, ตราสารทุน ไม่เกิน 30% ของ NAV, หน่วยลงทุนของกองทุนรวม เช่น กองทุนรวมทองคำ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) เป็นต้น หน่วยลงทุนของกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการไม่เกิน 60% ของ NAV, เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก โดยมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 79% ของ NAV ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลดภาระการบริหารเงินในวัยเกษียณ และต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม

Bloomberg (A): BSENIORX TB

Fund Size: 17,465 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ต.ค. 2018)

Morningstar Category: Conservative Allocation

สรุปภาพรวมตลาดตราสารทุนไทยช่วงเดือน ต.ค. 2018

ตลาดหุ้นไทยเปิดไตรมาสสุดท้ายของปีด้วยความผันผวนโดย SET Index ปรับลดประมาณ 5% พร้อมกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 3% ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีหุ้นทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปี 2019 ลดลงสู่ 3.7% จากเดิมที่ 3.9% โดยให้น้ำหนักในประเด็นของความเสี่ยงสงครามการค้า ความเปราะบางทางเศรษฐกิจรายประเทศ และภาวะการเงินโลกที่มีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นไทยในเดือน ต.ค. ปรับตัวลงกระจายในทุกหมวดอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันและการบริโภคภายในประเทศ

ขณะเดียวกัน การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 3.2% ส่งผลให้การถือครองสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกลดลง อีกทั้ง เดือนนี้ยังเป็นช่วงการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2018 โดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐบางรายได้เปิดเผยผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับตลาด กอปรกับมูลค่าที่ตึงตัวจากความคาดหวังที่สูง

นอกจากปัจจัยภายนอกประเทศแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในประเทศ อาทิเช่น ตัวเลขการส่งออกที่ติดลบครั้งแรกในรอบ 19 เดือน รายได้ภาคเกษตรที่หดตัว และภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นไปในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่มีสถานะขายสุทธิในเดือน ต.ค.กว่า 6 หมื่นล้านบาท รวมตั้งแต่ต้นปีขายสุทธิสะสม 2.7 แสนล้านบาท

สรุปภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในช่วงเดือน ต.ค. 2018

ในช่วงที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกช่วงอายุ โดยพันธบัตรระยะสั้น – กลาง ปรับขึ้นมากกว่าพันธบัตรระยะยาว (Flattening Bias) ตามตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร รุ่นอายุ 10 ปี ของสหรัฐ ทดสอบระดับสูงสุดในรอบปีที่ร้อยละ 3.26 นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศยังเสริมให้อัตราผลตอบแทนเพิ่มสูงขึ้น จากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เริ่มส่งสัญญาณถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2561 อ่อนค่าจากต้นปี 1.73% เป็นไปทิศทางเดียวกันกับค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค โดยมีค่าเงินอินเดียนรูปี อ่อนค่ามากที่สุดในภูมิภาคเอเชียที่ 13.6% ด้วยปัจจัยหลักจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนภายนอกประเทศ ทั้งความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก การอ่อนค่าของค่าเงินหยวน ตัวเลขการส่งออกและการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ลดลง โดยกองทุนบัวหลวงคาดการณ์ค่าเงินบาท ณ สิ้นปีนี้ที่ช่วง 32.00 – 33.00

กลยุทธ์การลงทุน

ผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วงเดือน ต.ค. ปรับลดลงจากส่วนของตราสารทุนด้วยสภาวะตลาดที่ค่อนข้างผันผวนในระหว่างเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้ง ยังมีการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศทั้งในรูปแบบของหุ้นและตราสารหนี้ โดยมีการลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 30% ของขนาดกองทุน

ผู้จัดการกองทุนใช้โอกาสที่ตลาดหุ้นปรับฐานลงในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น โดยเลือกหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพดีที่ราคาลดต่ำลงกว่าราคาที่ควรจะเป็น รวมถึงได้ลดสถานะการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ราคาหุ้นขึ้นมามากกว่าราคาที่ควรจะเป็น และ/หรือแนวโน้มของอุตสาหกรรมหรือบริษัทอาจแย่ลงในอนาคต เช่น พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง วัสดุก่อสร้าง โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยีการสื่อสาร พลังงานและสาธารณูปโภค และธนาคาร

สำหรับตราสารหนี้ยังคงเป็นสินทรัพย์ หลักที่มีคุณค่าสำหรับพอร์ตการลงทุนด้วยสัดส่วนการลงทุนประมาณ 70% ของ NAV โดยผู้จัดการกองทุนยังคงมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้นถึงกลางให้สูงกว่าดัชนีชี้วัดโดยเน้นการลงทุนทั้งในตราสารภาครัฐและเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้อง เหมาะสมกับความเสี่ยง ด้วยอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ประมาณ 1.01 ปี ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ราว 2.2 ปี โดยได้กระจายการลงทุนไปยัง US High Yield Bond ด้วยมองว่าส่วนชดเชยจากคูปองที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจะช่วยลดความผันผวนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ FED ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนที่ผู้ออกมีฐานะทางการเงินมั่นคง รวมถึงได้ Credit spread ที่น่าจูงใจเหมาะสมกับระดับความเสี่ยง โดยเลือกการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี

มุมมองต่อการลงทุนของทีมผู้จัดการกองทุน

ผู้จัดการกองทุนมองว่าตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะปรับตัวต่ำกว่าระดับนี้ไปมากแล้ว ด้วยราคาหุ้น ณ ระดับปัจจุบันที่ซึมซับความกังวลทั้งเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบิ้ยของ FED และสงครามการค้า ซึ่งหากมีการย่อตัวลงก็เป็นโอกาสในการคัดสรรหุ้นรายตัวที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีในช่วงระยะกลางถึงยาว รวมถึงยังคงมอง่วาการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือกองทรัสต์มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยเน้นกองทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนในระดับสูงสม่ำเสมอ โดยปัจจัยบวกสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี ได้แก่ ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างจากภาครัฐ
สำหรับ ผู้จัดการกองทุนมองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของ Fed และสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. โดยคาดว่า จากผลการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นได้ในการประชุมเดือนธ.ค. หรืออย่างช้าภายในไตรมาส 1 ปีหน้า

ผลการดำเนินงานและความผันผวนของผลการดำเนินงาน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ย. 2018)

 

เกณฑ์มาตรฐาน 1: ThaiBMA Zero Rate Return (ZRR) อายุ 1 ปี 40%, อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจํา 1 ปี วงเงิน 1 ล้านบาท เฉลี่ย ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ 10%, อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารในตลาดลอนดอนระยะเวลา 3 เดือน (3M-LIBOR) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนบวกด้วยค่าเฉลี่ยของ Credit Spread ของตราสารที่มีการจัดอันดับเครดิตในระดับ A อายุ 3 เดือน ในช่วงระยะเวลาที่คำนวณผลตอบแทน +30 bps. 20%, ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์(SET TRI) 15%, MSCI AC ASEAN NETR USD Index ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน 15%,