ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดผยว่า แผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงินฉบับที่ 4 (ปี 2019-2021) มุ่งสร้างระบบนิเวศน์ หรือ Ecosystem ให้ระบบการชำระเงินดิจิทัล เป็นทางเลือกหลักของการชำระเงิน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินและบริการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ราคาถูก และตรงความต้องการของผู้ใช้ทั้งประชาชน ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และโซเชียล คอมเมิร์ซ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจนขยายการใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดย ธปท. จะร่วมกับสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการชำระเงิน และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันมาตรการต่างๆ ให้บรรลุผล
สำหรับกรอบการพัฒนามี 5 ด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินให้ได้มาตรฐานพร้อมเชื่อมโยง (2) การส่งเสริมนวัตกรรมและบริการชำระเงิน โดยพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ (3) การส่งเสริมการเข้าถึงและใช้บริการชำระเงินโดยขยายการใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัล และความรู้ความเข้าใจในทุกภาคส่วน (4) การกำกับดูแลและบริหารความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้นกันพร้อมรับมือภัยไซเบอร์และคุ้มครองผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม (5) การพัฒนาข้อมูลชำระเงิน โดยเชื่อมโยงข้อมูลการชำระเงินอย่างบูรณาการและพัฒนาการวิเคราะห์เชิงลึก
ส่วน การขับเคลื่อนแผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ฉบับที่ 3 ที่ผ่านมา ช่วยให้การใช้ระบบชำระเงินดิจิทัลในภาพรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปริมาณการใช้ถึง 5,868 ล้านรายการ/ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2018) เพิ่มขึ้น 83% จากปี 2016 หรือเฉลี่ย 89 ครั้ง/คน/ปี โดยการใช้พร้อมเพย์มีการลงทะเบียนรวม 46.5 ล้านเลขหมาย (ณ 31 ธ.ค. 2018) เฉลี่ย 4.5 ล้านรายการต่อวัน มูลค่าเฉลี่ย 5,000 บาทต่อรายการ ในปี 2018 เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อเดือน ขณะที่การใช้การชำระเงินผ่านมือถือ มี 47 ล้านบัญชี (ณ 31 ธ.ค. 2018) เพิ่มขึ้นจาก 21 ล้านบัญชีในปี 2016 และอินเทอร์เน็ต แบงก์กิ้ง 27.8 ล้านบัญชี (ณ 31 ธ.ค. 2018) เพิ่มขึ้นจาก 14.6 ล้านบัญชีในปี 2016 นอกจากนี้ การใช้บัตรเดบิตและเครดิตขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางออนไลน์ ที่จำนวนการทำรายการเพิ่มขึ้น 155%