กองทุนรวมคนไทยใจดี : BKIND

กองทุนรวมคนไทยใจดี : BKIND

มุมมองการลงทุน

ท่าทีที่ผ่อนคลายลงของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของตลาด ได้ผลักดันให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ฟื้นตัวขึ้นได้จากสิ้นปีอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดยังได้รับความหวังเชิงบวกมากขึ้นในเดือน ก.พ. ต่อการคงอัตราดอกเบี้ยของ Fed และท่าทีที่อาจจะหยุดการลดสภาพคล่อง (Quantitative Tightening) ลงในปีนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสภาพคล่องโดยรวมของระบบการเงิน ขณะที่เรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ก็มีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีกับจีนที่จะมีผลในวันที่ 1 มี.ค. ออกไป ส่วนในด้านตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ออกมานั้น ในหลายๆ ภูมิภาค เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ชะลอตัว เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของยูโรโซนและญี่ปุ่นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และเข้าสู่ภาวะหดตัวครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตามยังถือว่ามีโอกาสไม่สูง เนื่องจากธนาคารกลางหลักๆ ต่างพร้อมที่จะผ่อนปรนการดำเนินนโยบายทางการเงินมากกว่าเดิม

ปัจจัยที่ต้องจับตาต่อในเดือน มี.ค. นี้ อย่างแรกคือ พัฒนาการเพิ่มเติมของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ทั้งนี้เชื่อว่า สถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย น่าจะผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว และเรื่องที่สองคือ การประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 มี.ค. นี้ ตลาดคาดว่าน่าจะเห็นแผนการหยุดการลดสภาพคล่องในการประชุมครั้งนี้

ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้น ผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ประกาศออกมาโดยรวมค่อนข้างอ่อนแอ ส่วนหนึ่งจากการมีรายการพิเศษ เช่น ผลขาดทุนสต็อกน้ำมันของหุ้นในกลุ่มพลังงาน-ปิโตเคมี การตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายใหม่ และการบันทึกค่าใช้จ่ายเพื่อระงับข้อพิพาทกับ CAT ของ DTAC เป็นต้น ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมานั้น ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตัวเลข GDP ในไตรมาส 4 ขยายตัวที่ 3.7% เทียบกับ 3.2% ในไตรมาสก่อนหน้า ขับเคลื่อนโดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยคาดว่าการบริโภคในประเทศและการลงทุนจะเป็นตัวขับเคลื่อน และอีกปัจจัยที่สำคัญก็คือ การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนและเสถียรภาพในการดำเนินนโยบายของประเทศต่อไป

มุมมองตลาดหุ้นไทย

แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ยังคงท้าทาย โดยเชื่อว่า โอกาสการลงทุนในปีนี้ยังคงมีอยู่ ซึ่งหุ้นไทยตอนนี้ซื้อขายอยู่ที่ P/E ระดับ 13.5 เท่า นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ประมาณ 14.2 เท่า อย่างไรก็ตามการลงทุนยังต้องอาศัยความระมัดระวังในการประเมินโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนมากเป็นพิเศษ เรายังคงกลยุทธ์ในการเลือกลงทุนหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มของกิจการที่ดี มีระดับราคาเหมาะสม ซึ่งจะสามารถผ่านความผันผวนในช่วงสั้น และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนได้

ปัจจัยทั้งบวก/ลบต่อกองทุน

(+) แนวโน้มเรื่องสงครามการค้าที่ทางสหรัฐ และจีน ส่งสัญญาณดีขึ้น โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตว่าจะเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปจากเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. นี้ และยังจะพบปะเจรจาการค้ากับจีนในปลายเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ต้องคอยติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป

(+/-) การส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และลังเลในการลด QE ทำให้คาดหมายว่า Fund flow ที่เคยไหลออกจำนวนมากจะเริ่มชะลอตัวตามไปด้วย และกลับมาลงทุนประเทศในเอเชียอีกครั้ง ทั้งนี้ แรงซื้อหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ภายในปี 2019 ณ วันที่ 25 ก.พ. 2019 อยู่ที่ 280.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 8,740 ล้านบาท

(+/-) ความไม่แน่นอนในปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยต้องรอความคืบหน้าของการเลือกตั้ง นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงแนวโน้มการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการเมืองไทยยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน

(-) ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อาจจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ในขณะที่ต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศเรื่องความไม่แน่นอนในประเด็น Brexit หลังนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เลื่อนการลงมติของรัฐสภาต่อข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปออกไป

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน

กองทุนรวม คนไทยใจดี จะเน้นลงทุนในบริษัทที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมใน 4 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)  สังคม (Social) ธรรมาภิบาล (Good Governance) และ การต่อต้านคอร์รัปชัน (Anti-Corruption) ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2019 กองทุนรวมคนไทยใจดีได้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน  2.92% สูงกว่าตัวชี้วัด (SET TRI) ที่ -1.42% โดยกลุ่มธุรกิจที่ผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักมากกว่าตัวชี้วัด คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เนื่องด้วยเป็นกลุ่มที่ราคามีเสถียรภาพ และส่วนของกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร เป็นกลุ่มที่มีเงินปันผลที่ดี นอกจากนี้ กลุ่มพาณิชย์ ผู้จัดการกองทุนมองว่าน่าสนใจเพราะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อภายในประเทศ กลุ่มพลังงาน ผู้จัดการกองทุนเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้า เพราะธุรกิจมีรายได้สม่ำเสมอ

ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ 31 ม.ค. 2019

น้ำหนักการลงทุนของกองทุนแยกตามหมวดธุรกิจเทียบกับ Benchmark ณ 31 ม.ค. 2019

ตัวอย่างโครงการที่กองทุนให้การสนันสนุน

เงินทุนหมุนเวียนสร้างอาชีพกับสตรีที่ได้รับความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้

สนับสนุนโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลและขาดสื่อการเรียน 1 โรงเรียน 200 คน

กิจกรรมเพิ่มความรู้กับเยาวชนเพื่อป้องกัน HIV ชายแดน ไทย กัมพูชา ลาว 22 ครั้ง

สนับสนุนการซื้อแขนขาเทียมแก่คนพิการและเด็กพิการที่อยู่ในวัยเรียน 5 คู่

สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพื่อปลูกผักอินทรีย์ และความยั่งยืน 20 ครัวเรือน

สนับสนุนเงินทุนเพื่อให้มีการดูแลผู้สูงอายุใน อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี โดยให้บ้านและครอบครัวเป็นฐานสำคัญและได้รับความช่วยเหลือจากทีมงานด้านสุขภาพและทีมงานจากท้องถิ่น

กองทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2015

ดำเนินการพัฒนาต้นแบบการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน ใน จ.ยะลา และจะขยายไปยัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

กองทุนสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2015

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนรวม คนไทยใจดี  ได้ที่ https://www.facebook.com/BKIND.fanpage/