เว็บไซต์สภาเศรษฐกิจโลก นำเสนอบทความของ Erik Josefsson หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมขั้นภาคสูง อีริคสัน เรื่อง อนาคตของภาคการผลิตคือ ชาญฉลาด ปลอดภัย และมีเสถียรภาพ ซึ่งประเมินว่า ภาคการผลิตวันนี้กำลังมองหาประสิทธิภาพการผลิต และความสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งมาให้หลากหลายตรงความต้องการของลูกค้า พวกเขาทราบว่าจะมีความสามารถแข่งขันได้ ต้องมีกระบวนการปฏิบัติการและสายการผลิตที่บูรณาการและปรับเปลี่ยนได้เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและลดเวลารอคอย แต่ต้องเกิดขึ้นโดยไม่ลดเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพ
จากประเด็นนี้อุปกรณ์คลื่อนที่ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ (IoT) คือทางที่จะเชื่อมต่อสิ่งที่จับต้องได้ เช่น เซนเซอร์ ที่เชื่อมต่อโดยใช้อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือบนสมาร์ทโฟน อาจจะเป็นคำตอบสำหรับบรรดาภาคการผลิต และการลงทุนในอุปกรณ์ IoT รวมถึงการสร้างโรงงานอัจฉริยะ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0
สาเหตุที่จำเป็นต้องนำ IoT ไปใช้ในโรงงานก็เพราะอุปกรณ์ IoT กำลังเป็นทางเลือกใช้ในพื้นที่ท้องถิ่น โดยมีการใช้งานแข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ จากข้อมูลพบว่า จะมีอุปกรณ์ IoT เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเกิน 4,000 ล้านชิ้นภายในปี 2024 โดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จะช่วยให้โรงงานเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในกลุ่มสินทรัพย์ อุปกรณ์ ยานพาหนะ และกระบวนการ
ทั้งนี้ คาดว่าช่วงแรกของการนำไปใช้ไม่เกิน 5 ปีจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจได้ โดยหลายๆ พื้นที่มีการใช้เครือข่าย 4G แล้ว พวกเขาจึงได้กระจายการเชื่อมต่อสินทรัพย์ทุกอย่างที่มีในโรงงานวันนี้เพื่อเป็นภาคการผลิตอัจฉริยะ ที่เคลื่อนไหวได้ง่าย ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามเครือข่าย 5G กำลังจะมา ดังนั้นก็จะขยายขนาดของโรงงานอัจฉริยะขึ้นไปอีก