สรุปภาวะตลาดหุ้นอินเดีย
ตลาดหุ้นอินเดียให้ผลตอบแทนเป็นบวกในไตรมาสแรก หุ้นขนาดใหญ่เมื่อวัดจาก Nifty large cap +7.6% (USD return) ให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นขนาดกลางเมื่อวัดจาก NSE Mid cap +2.7% (USD return) แม้ตลาดหุ้นจะทวีความผันผวนในช่วงต้นปี หลังการปะทะทางทหารของทั้งอินเดียและปากีสถานในดินแดนที่เรียกว่าแคว้นแคชเมียร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นแต่อย่างใดและมีแนวโน้มสงบลงในที่สุด นักลงทุนมองว่าเหตุปะทะทางทหารจะเพิ่มเสียงให้ประชาชนสนับสนุนนายโมดิ เพื่อให้อยู่ต่อเป็นนายกอีกสมัยจากประเด็นความมั่นคงภายในประเทศ
ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้นถึง 21% ในไตรมาสแรก กระนั้นก็ดีค่าเงินรูปีเทียบดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าในสองเดือนแรกของปีกลับแข็งค่าในเดือน มี.ค. ค่าเงินรูปีจึงยังทรงตัวอยู่ใกล้เคียงกับระดับเดียวกับเมื่อปลายปีก่อน ขณะที่ผลตอบตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปีที่ระดับ 7.3% ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ภายใต้การนำของผู้ว่าการคนใหม่กดปุ่มดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เห็นการฟื้นตัวของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในปีนี้ธนาคารกลางอินเดียได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วสองครั้งจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศที่ต่ำกว่าที่ระดับคาดการณ์
ด้านเม็ดเงินลงทุนพบว่านักลงทุนต่างประเทศ (FIIs) เป็นผู้ซื้อสุทธิหุ้นอินเดีย 8.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนในประเทศ (DIIs) ขายสุทธิ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ชะลอตัวลงเหลือ 6.6% ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนจาก 7.0% ในไตรมาสก่อนหน้า เหตุจากธุรกิจในภาคการเกษตรที่เติบโตลดลงเหลือ 2.7% จากเดิม 4.2% และภาคบริการที่เติบโตเหลือ 7.2% จากเดิมที่ 7.4%
การเลือกตั้งรวม 7 เฟสที่จะสิ้นสุดวันที่ 19 พ.ค. นั้นจะประกาศผลในวันที่ 23 พ.ค.
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ไตรมาสล่าสุด ผลแบ่งเป็นสองด้าน คือ กลุ่มธนาคาร กลุ่มไอทีผลประกอบการออกมาดี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นออกมาตามคาด แต่ผลประกอบการของธุรกิจในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคฟุ่มเฟือย เช่น ธุรกิจรถยนต์ หรือแม้แต่ธุรกิจในกลุ่มซีเมนต์ ธุรกิจในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ออกมาต่ำกว่าที่คาด
Source: Conference call, Mr.Ankit, Portfolio Manager, Kotak India Midcap Fund
ปัจจัยบวกและลบต่อการลงทุนในหุ้นอินเดียมิดแคป
(+) หุ้นอินเดียมิดแคปมีแนวโน้มทำกำไรได้ดีกว่าตลาดโดยรวมในปีนี้ กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนเมื่อวัดจาก Nifty Midcap คาดว่าจะเติบโตระดับ 16-18% ต่อปี สูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่เมื่อวัดจากดัชนี Nifty Large cap ที่เติบโตเพียง 10-12% ต่อปี
(+) นโยบายปฏิรูปภาษีอินเดียสนับสนุนการเติบโตให้กับหุ้นในกลุ่มอินเดียมิดแคป ธุรกิจจำนวนมากที่เคยอยู่นอกระบบ (Unorganized sector) ต้องย้ายเข้ามาอยู่ในระบบ (Organized Sector) ตามแผนปฏิรูปของรัฐบาล บริษัทอินเดียในกลุ่มมิดแคปซึ่งดำเนินธุรกิจและครองส่วนแบ่งทางการตลาดมาอย่างยาวนานจึงได้เปรียบในเชิงแข่งขันเหนือผู้เล่นหน้าใหม่
(+) รัฐบาลได้แต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลาง (RBI) คนใหม่ชื่อนาย Shaktikanta Das ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการกระทรวงการคลังในปี 2014 และเลขานุการ ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในปี 2015 แทนนาย Urjit Patel ซึ่งลาออกไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2018
(-) ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว
(-) เสถียรภาพการเมืองภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ในเดือน เม.ย.-พ.ค.2019
(-) วิกฤตภาคสินเชื่อซึ่งเกิดจากระบบสถาบันการเงินในประเทศ
Source: Kotak Asset Management, April 2019
Portfolio detail: Kotak Inida Mid Cap Fund as of April 2019
Overweight: สินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าจำเป็น อุตสาหกรรม วัสดุก่อสร้าง
Underweight: สินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย สถาบันการเงิน สาธารณูปโภค
Neutral: ไอที สื่อสาร พลังงาน เฮลธ์แคร์
Kotak India Midcap Fund – Key metrics
ผลการดำเนินงานกองทุนย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2019)