กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND)

กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND)

BBLAM’s 2019 INVESTMENT THEMES

รุ่งเรืองด้วยโครงสร้างพื้นฐาน บนสายพานของโลจิสติกส์

ภาพรวมตลาดหุ้น

ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากความคืบหน้าของสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไม่เป็นไปตามคาด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้เพิ่ม Huawei เข้าสู่บัญชีดำการซื้อขาย ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถซื้อชิ้นส่วนหรือสินค้าจากสหรัฐฯ ได้ ส่วนทางจีนได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สหรัฐฯ มีท่าทีอ่อนลงโดยการยืดระยะเวลาการคว่ำบาตรสินค้า Huawei ออกไป 3 เดือน

ความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของน้ำมันดิบ ทำให้ทิศทางราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้น ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เริ่มส่งสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ของสหราชอาณาจักร (Brexit) หลังนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากความล้มเหลวในการผลักดันข้อตกลง Brexit ให้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภาอังกฤษ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการถอนตัวแบบไม่มีข้อตกลง หรือ Hard Brexit มากขึ้น

ด้านปัจจัยภายในประเทศ ยังคงถูกกดดันจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจ โดย GDP ไตรมาส 1/2562 ขยายตัวเพียง 2.8%YoY จาก 3.6%YoY ในไตรมาสก่อน เนื่องจากการส่งออกสินค้าและการลงทุนที่ชะลอตัว ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนขึ้น หลังมีการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับคะแนนจากสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้การขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจต่างๆ จากทางภาครัฐน่าจะกลับมาดีขึ้น

ทั้งนี้อุปสงค์ในประเทศยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แม้อุปสงค์ต่างประเทศจะชะลอตัวลงจากภาวะตึงตัวของสงครามการค้า แต่การส่งออกสินค้าของไทยอาจได้ปัจจัยสนับสนุนจากการย้ายฐานการผลิต และคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนมายังไทย

ตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดที่ 1,682.50 จุด สู่ระดับต่ำสุดที่ 1,599.10 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิที่ 3,671.84 ล้านบาท เนื่องจาก MSCI Rebalance ที่มีการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์สุดท้าย อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันจากต่างประเทศ ทำให้แนวโน้มการลงทุนในช่วงที่เหลือของปียังคงมีความท้าทาย แต่ด้านภายในประเทศ การเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในประเทศ แม้ราคาหุ้นจะสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ มาบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากปัจจัยภายนอกยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งนี้เรายังคงยึดมั่นต่อความพิถีพิถันในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัว เพื่อหาหุ้นที่แข็งแรงพอที่จะผ่านปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ และสามารถแสดงศักยภาพของการเติบโตต่อไปในระยะยาวได้ ภายใต้ราคาที่เหมาะสม

ปัจจัยทั้งบวก/ลบต่อกองทุน

(+) บริษัทต่างๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มทบทวนการผลิต เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ระหว่างสหรัฐและจีน โดยอาจจะมีการย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม ไทย และมาเลเซีย ทำให้ทั้ง 3 ประเทศได้ประโยชน์จากการจ้างงานเพิ่มขึ้น และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมน่าสนใจมากขึ้น

(+) ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนส่วนใหญ่จึงให้เน้นการลงทุนในหุ้นที่พึ่งพิงการบริโภคในประเทศเป็นหลัก (Domestic Play) ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น

(+/-) ในมุมมองการลงทุน การจัดตั้งรัฐบาลได้ถือว่าเป็นปัจจัยบวก เพราะเกิดความเชื่อมั่นว่านโยบายต่างๆ จะเดินหน้าต่อได้ แต่ยังต้องติดตามนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งผู้จัดการกองทุนมองว่า รัฐบาลใหม่มีแนวโน้มจะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นที่การบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ

(-) หากราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อาจจะกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี รวมทั้งมีความเสี่ยงว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะปรับลดประมาณการผลประกอบการของปี 2019 และกระทบกับผลประกอบการโดยรวมทั้งตลาด

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน

กองทุนรวม คนไทยใจดี เน้นลงทุนในบริษัทที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมใน 4 ด้าน คือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) ธรรมาภิบาล (Good Governance) และการต่อต้านคอร์รัปชัน (Anti-Corruption) ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 2562 กองทุนรวม คนไทยใจดี ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 3.19% ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 6.20%

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักมากที่สุด คือ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า เพราะเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรแน่นอน และนโยบายของภาครัฐให้ความสำคัญกับความมีเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าอย่างมาก ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นที่หนุนการเติบโตของกำไรอย่างชัดเจนในช่วงหลายปีข้างหน้า ถัดไปคือกลุ่มธนาคาร ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองที่ดีในครึ่งปีหลัง เพราะผ่านการปรับฐานไปแล้ว ประกอบกับเงินจากการลงทุนของภาครัฐ น่าจะทำให้เห็นการฟื้นตัวของ Loan Growth นอกจากนี้กลุ่มพาณิชย์น่าจะมีแนวโน้มที่ดี เพราะยังเห็นแผนการเติบโตของสาขา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลน่าจะมีส่วนช่วยหนุนการใช้จ่ายในประเทศ อีกทั้งกลุ่มนี้มีวงจรเงินสดที่ดี ผลประกอบการไม่ผันผวน

ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ 30 เมษายน 2562

น้ำหนักการลงทุนของกองทุนแยกตามหมวดธุรกิจเทียบกับ Benchmark ณ 30 เมษายน 2562

Source : BBLAM

ตัวอย่างโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุนและรายละเอียดของโครงการ

รู้จักโครงการที่กองทุนคนไทยใจดีให้การสนับสนุน ผ่านซีรีส์ 4 ตอน ดังนี้

ตอนที่ 1 กองทุน BKIND กับภารกิจ “การลงทุนเพื่อสังคม”

https://bualuang.fund/archives/6748/bkind01/

ตอนที่ 2 กองทุน BKIND กับภารกิจ “การลงทุนเพื่อสังคม”

ตอน โครงการพัฒนาต่อยอดระบบยากับคุณเพื่อประชาชน

https://bualuang.fund/archives/6800/bkind02/

ตอนที่ 3 กองทุน BKIND กับภารกิจ “การลงทุนเพื่อสังคม”

ตอน โครงการพัฒนาศักยภาพและรูปแบบโหนดการจ้างงานคนพิการในระดับพื้นที่

https://bualuang.fund/archives/6870/bkind03/

ตอนที่ 4 กองทุน BKIND กับภารกิจ “การลงทุนเพื่อสังคม”

ตอน โครงการพัฒนาหลักสูตรและระบบการแนะแนวอาชีพ สำหรับนักเรียนที่มุ่งเน้น การคิดวิเคราะห์เพื่อค้นพบตัวเอง

https://bualuang.fund/archives/6931/bkind04/

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของกองทุนรวม คนไทยใจดี ได้ที่ 

ติดตามบทความที่น่าสนใจของกองทุนบัวหลวง ได้ที่ BF Mobile Application