หลังจากที่สงครามการค้านั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นและภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มอ่อนแอลง ธนาคารกลางต่างๆจึงมีท่าทีที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “Policy U-Turn” ของธนาคารกลางสหรัฐ ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ความกังวลเรื่องสงครามการค้านั้น เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยในการพบกันของประธานธิบดี โดนัล ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในช่วงของการประชุม G20 ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงบางส่วนร่วมกันได้ ซึ่งทรัมป์เองก็ไม่ต้องการเพิ่มความเสี่ยงต่อการถดถอยของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากอาจจะกระทบกับคะแนนเสียงต่อการเลือกประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า ส่งผลให้เป็นบวกต่อบรรยากาศในการลงทุน
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยสุทธิสูงถึง 4.66 หมื่นล้านบาทในเดือนมิถุนายน จากการมองว่าเงินบาทเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนของไทยจะไม่ได้โตโดดเด่นมากนัก ทำให้ยอดซื้อสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปีนั้น พลิกกลับมาเป็นบวก ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้น 6.8% ทะลุระดับ 1700 จุดอีกครั้ง ในรอบ 8 เดือน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งการลงทุนภาคเอกชน การส่งออก ท่องเที่ยว และการบริโภคภาคครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว คาดการณ์กันว่าจะได้เห็นมาตราการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศในเร็วๆนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคและการลงทุน การได้ทีมบริหารประเทศตามระบบรัฐสภา ยังช่วยลดความเสี่ยงทางการเมืองและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ยังรวมถึงการได้นายกรัฐมนตรีคนเดิม ทำให้นโยบายต่างๆมีความต่อเนื่อง
แนวโน้มการลงทุนในครึ่งปีหลังยังคงท้าทาย มีโอกาสที่กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลเข้าต่อเนื่อง แต่การที่เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป ก็ทำให้เป็นที่จับตามองของหลายๆฝ่าย เช่น ธปท. ได้เริ่มปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งชะลอกระแสเงินลงทุนไหลเข้า
เราเชื่อว่า โอกาสการลงทุนในปีนี้ยังคงมีอยู่ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามต่อจากนี้ ได้แก่ การประชุม FOMC Meeting ในวันที่ 30-31 กรกฎาคม โดยตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยและตลาดได้ตอบรับไปในราคามากแล้ว พัฒนาการเพิ่มเติมของการเจรจาทางการค้า และ IMF จะมีการทบทวนประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ประจำรอบเดือนกรกฎาคม เรายังคงกลยุทธ์ในการเลือกลงทุนหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ระดับราคาเหมาะสม ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนได้
Fund Comment
Fund Comment มิถุนายน 2562 : ภาพรวมตลาดหุ้น
หลังจากที่สงครามการค้านั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นและภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มอ่อนแอลง ธนาคารกลางต่างๆจึงมีท่าทีที่ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “Policy U-Turn” ของธนาคารกลางสหรัฐ ปัจจัยนี้เป็นสิ่งที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ความกังวลเรื่องสงครามการค้านั้น เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยในการพบกันของประธานธิบดี โดนัล ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในช่วงของการประชุม G20 ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงบางส่วนร่วมกันได้ ซึ่งทรัมป์เองก็ไม่ต้องการเพิ่มความเสี่ยงต่อการถดถอยของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากอาจจะกระทบกับคะแนนเสียงต่อการเลือกประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีหน้า ส่งผลให้เป็นบวกต่อบรรยากาศในการลงทุน
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยสุทธิสูงถึง 4.66 หมื่นล้านบาทในเดือนมิถุนายน จากการมองว่าเงินบาทเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนของไทยจะไม่ได้โตโดดเด่นมากนัก ทำให้ยอดซื้อสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกของปีนั้น พลิกกลับมาเป็นบวก ส่งผลให้ SET Index ปรับตัวขึ้น 6.8% ทะลุระดับ 1700 จุดอีกครั้ง ในรอบ 8 เดือน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งการลงทุนภาคเอกชน การส่งออก ท่องเที่ยว และการบริโภคภาคครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หลังจากจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว คาดการณ์กันว่าจะได้เห็นมาตราการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศในเร็วๆนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคและการลงทุน การได้ทีมบริหารประเทศตามระบบรัฐสภา ยังช่วยลดความเสี่ยงทางการเมืองและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ยังรวมถึงการได้นายกรัฐมนตรีคนเดิม ทำให้นโยบายต่างๆมีความต่อเนื่อง
แนวโน้มการลงทุนในครึ่งปีหลังยังคงท้าทาย มีโอกาสที่กระแสเงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลเข้าต่อเนื่อง แต่การที่เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป ก็ทำให้เป็นที่จับตามองของหลายๆฝ่าย เช่น ธปท. ได้เริ่มปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งชะลอกระแสเงินลงทุนไหลเข้า
เราเชื่อว่า โอกาสการลงทุนในปีนี้ยังคงมีอยู่ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามต่อจากนี้ ได้แก่ การประชุม FOMC Meeting ในวันที่ 30-31 กรกฎาคม โดยตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยและตลาดได้ตอบรับไปในราคามากแล้ว พัฒนาการเพิ่มเติมของการเจรจาทางการค้า และ IMF จะมีการทบทวนประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ประจำรอบเดือนกรกฎาคม เรายังคงกลยุทธ์ในการเลือกลงทุนหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ระดับราคาเหมาะสม ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนได้