เดอะ จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า อธิบดีกรมสรรพากร อินโดนีเซีย กำลังเตรียมเครื่องมือเพื่อจัดเก็บภาษีที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมทั้งหมดในเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ใช่เพียงการซื้อขายที่เกิดในตลาดกลางซื้อขายเท่านั้น แต่รวมทุกกิจกรรมในโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มอื่นๆ ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ด้วย
Iwan Djuniardi ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารและการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ กำลังทำงานวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษกิจดิจิทัลอยู่ เพื่อหาช่องทางที่จะทำให้จัดเก็บภาษีที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมบนเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างง่ายดาย
เขา กล่าวว่า ในขั้นต้น ข้อมูลเกี่ยวกับยอดขายและการทำธุรกรรมบนเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีอยู่กับสำนักงานบริการด้านภาษี กรมสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านภาษี ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานภาษีมีความพยายามในการปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับภาษีมาตั้งแต่ปี 2012
Iwan กล่าวว่า ผู้อำนวยการใหม่ 2 คน จะทำงานร่วมกันเพื่อวางแผนการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้การทำงานคล่องตัวขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของรัฐบาลที่ต้องการให้เสียภาษีโดยไม่ต้องมีกฎระเบียบด้านภาษีใหม่
Ignatius Untung นายกสมาคมอี-คอมเมิร์ซอินโดนีเซีย (idEA) กล่าวว่า อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือการจัดเก็บภาษีเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งรวมทั้งการโฆษณาและค้าปลีก
ทั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะจัดเก็บข้อมูลของคนที่ขายสินค้าของตัวเองผ่านโซเชียลมีเดีย หากผู้ขายเหล่านั้นเป็นคนที่มาจากนอกโซเชียลมีเดีย