สำหรับในปี 2018 เราคาดว่า โมเมนตัมเช่นนี้น่าจะยังคงดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจาก 6.8% เป็น 6.5% ตามทิศทางเดียวการปฏิรูปประเทศที่เน้นการเติบโตเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จีนยังนับว่าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ในระดับสูง
ด้านนโยบายภาครัฐ การรวมอำนาจของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมานั้น น่าจะทำให้นโยบายเป็นไปในแนวทางสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเอกชน พร้อมทั้งเดินหน้าปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ และคุมเข้มภาคการเงินเพื่อชะลอหนี้ที่เติบโตรวดเร็วมากขึ้น
อย่างไรก็ดี การชะลอตัวของอัตราการขยายตัวของสินเชื่อ อาจทำให้ตลาดเงินตึงตัวมากขึ้น และเป็นความท้าทายของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป
สำหรับในปี 2018 นี้เราคาดว่า รัฐบาลน่าจะปล่อยเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในปริมาณที่ชะลอลงเล็กน้อย โดยเราคาดว่ารัฐบาลจีนจะขาดดุลการคลัง -3.5% ของ GDP ในปี 2018 ชะลอลงจากปี2017 ซึ่งขาดดุลการคลัง -3.7% ของ GDP เนื่องด้วย รัฐบาลท้องถิ่นอาจจะปล่อยงบได้ยากขึ้นตามเกณฑ์การใช้จ่ายที่รัดกุมกว่าเดิม
ขณะที่การทำ Debt Swap Program จะเสร็จสิ้นลงช่วงกลางปีหน้า ประกอบกับเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการร่วมทุนเอกชนอาจเพิ่มระดับคุมเข้มขึ้น