สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2562 ระยะที่ 2 ใน 4 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการแรก ส่งเสริมการบริโภคในประเทศ (ชิมช้อปใช้ เฟส 2) จำนวน 3 ล้านคน โดยรับลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน เริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่ 24 ต.ค. นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังขยายมาตรการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2562 จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 2562
สิทธิประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมี 3 ส่วน คือ 1) รัฐบาลสนับสนุนวเงินเพื่อเป็นสิทธิซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ 1,000 บาท/คนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” 2) กรณีผู้ที่ลงทะเบียนเติมเงินใน g-wallet ช่อง 2 เพื่อใช้จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม ที่พัก รวมถึงบริการต่างๆ ค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น ค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในท้องถิ่นนั้น จะได้รับเงินคืนเข้าวอลเล็ท 15% ของยอดการชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาท/คน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท/คน) และ 3) ให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับการใช้จ่ายผ่าน g-wallet ช่อง 2 โดยรัฐบาลจะสนับสนุน cash back เท่ากับ 20% ของยอดการชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาท/คน สำหรับวงเงินใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท/คน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 20,000 บาท/คน) ซึ่งจะรวมถึงผู้ที่ได้รับสิทธิ 10 ล้านคนแรกที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิ
มาตรการต่อมาคือ ลดภาษีเพื่อที่อยู่อาศัย โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนอง (ที่ต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน) โดยจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนอง จาก 1% เหลือ 0.01% เฉพาะการซื้อขายที่อยู่อาศัย ที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเริ่มมีผลวันนี้-24 ธ.ค. 2563 คาดว่ารัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากการลดค่าธรรมเนียม 2,652 ล้านบาท
มาตรการที่ 3 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ตั้งวงเงินสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท และมาตรการที่ 4 เร่งรัดการเบิกค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม สัมมนา ซึ่งมาตรการนี้จะเริ่มตั้งแต่ พ.ย.-ธ.ค.2562 รวม 2 เดือน