กองทุนบัวหลวง เสนอขาย IPO “กองทุนเปิดฟันด์ออฟฟันด์บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน&อสังหาริมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ” (B-IR-FOFRMF) 5-11 พ.ย. นี้ ชูจุดเด่นลงทุนแล้วได้ประโยชน์ 2 ต่อ ทั้งเป็นทางเลือกสร้างสมดุลพอร์ตลงทุนเพื่อการเกษียณ ด้วยการลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ แต่มีความผันผวนไม่เหมือนกับหุ้น ทั้งใช้สิทธิลดหย่อนภาษีประจำปี
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต การจัดสรรเงินลงทุนระยะยาวเพื่อเกษียณอายุ ผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น อาจไม่เพียงพอ กองทุนบัวหลวงจึงเปิดตัว กองทุนเปิดฟันด์ออฟฟันด์บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน&อสังหาริมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (B-IR-FOFRMF) เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 5 – 11 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุน จัดสรรและสร้างสมดุลเงินลงทุนสำหรับเป้าหมายการเกษียณได้ดียิ่งขึ้น
“กองทุนบัวหลวง มีกองทุน RMF เป็นทางเลือกให้นักลงทุนจัดสรรเงินลงทุนเพื่อวัยเกษียณไป พร้อมใช้สิทธิลดหย่อนภาษีประจำปีอยู่แล้วในกลุ่มที่ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนผสม และทองคำ หลังจากเปิดตัว B-IR-FOFRMF จะทำให้ลูกค้ามีกองทุน RMF ให้เลือกอย่างครบเครื่องมากขึ้น โดย B-IR-FOFRMF ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ แต่มีความผันผวนไม่เหมือนกับหุ้น หากมีการจัดสรรเงินมาลงทุนไว้ ก็จะทำให้พอร์ตลงทุนที่เตรียมไว้ยามเกษียณ มีความสมดุลและสามารถรับมือสถานการณ์ที่มีความผันผวนได้ดีขึ้น ทำให้มีโอกาสไปถึงเป้าหมายยามเกษียณได้มากขึ้น” นายวศิน กล่าว
สำหรับ B-IR-FOFRMF เป็นกองทุนที่ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลายกองทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่เน้นลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสินทรัพย์กลุ่มนี้สร้างรายได้สม่ำเสมอจากค่าเช่า แล้วให้ผลตอบแทนเข้ามายังกองทุน ซึ่งผลตอบแทนนั้นก็ถูกนำกลับไปลงทุนเพื่อหาประโยชน์และเพิ่มมูลค่าให้กับกองทุนต่อไป
ทั้งนี้ การลงทุนใน RMF ต้องลงทุนขั้นต่ำ 3% ของเงินได้พึงประเมินในแต่ละปี หรือขั้นต่ำ 5,000 บาท (แล้วแต่จำนวนใดต่ำกว่ากัน) และลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน ทั้งนี้ เมื่อนับรวมกับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกันแบบบำนาญ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนแล้ว ต้องไม่เกิน 5 แสนบาท โดยต้องลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีลงทุน (ห้ามระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกันทั้งที่ยังมีเงินได้)
นอกจากนี้ ต้องถือครองหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปีบริบูรณ์ นับจากวันที่ซื้อครั้งแรกและต้องถือหน่วยลงทุน จนผู้ลงทุนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกำไรส่วนเกินทุน (Capital Gain)
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน B-IR-FOFRMF หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของกรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ ภัทร บจ.หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี และ บจ.หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน