สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า อินเดียวางแผนจำกัดเพดานค่าคอมมิชชั่นของแอปพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ เช่น อูเบอร์ และโอลา ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันการขับชี่ในอินเดีย โดยจะจำกัดการคิดค่าธรรมเนียมทั้งหมดไม่เกิน 10% ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม มองว่า ความเคลื่อนไหวนี้อาจส่งผลกระทบต่อรายได้และการดำเนินงานได้
รัฐบาลกลางอินเดีย มีเป้าหมายลดค่าคอมมิชชั่นจากประมาณ 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คิดในปัจจุบัน โดยร่างแนวปฏิบัติไว้ 23 หน้า นอกจากนี้รัฐบาลยังเสนอให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้นกับผู้ขับขี่ และต้องการให้จำกัดชั่วโมงการทำงานของพวกเขาไว้ที่ 12 ชั่วโมงต่อวัน ท่ามกลางความกังวลว่า หากผู้ขับขี่ใช้เวลาขับรถบนถนนนานเกินไป จะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยกับผู้โดยสารได้
แนวทางเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม คาดการณ์ว่า แนวทางนี้จะทำให้อูเบอร์ รวมถึงโอลา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซอฟต์แบงก์ ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากบริการขับขี่ โดยที่ผ่านมา อูเบอร์ มีสัดส่วนรายได้จากอินเดียประมาณ 11% ของรายได้บริการขับขี่ทั่วโลก
“ระบบให้บริการนี้จะอยู่รอดไม่ได้ถ้ามีค่าบริการต่ำ ค่าคอมมิชชั่นเพียง 10% ไม่สามารถทำได้ ต้องประมาณ 20%” Joy Bandekar อดีตผู้บริหารของโอลา กล่าว
อินเดีย เป็นตลาดสำคัญของการเติบโตสำหรับบริษัทด้านการขับขี่ เนื่องจากผู้คนต้องการหลีกเลี่ยงการขับรถเองบนสภาพถนนที่มีการจราจรติดขัด ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย เคยอ้างถึงการเติบโตของบริษัทที่ให้บริการรถแท็กซี่ว่า เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ชะลอตัว โดยที่ผ่านมาบริษัทเหล่านี้ลดผลตอบแทนจูงใจ (อินเซนทีฟ) สำหรับผู้ขับขี่ และเพิ่มค่าโดยสาร ซึ่งก็สร้างความผิดหวังให้ผู้ขับขี่ที่ให้บริการผ่านแอปไม่น้อย
ด้านการเพิ่มความปลอดภัยนั้น รัฐบาลอินเดียได้ร่างกฎระเบียบขึ้นมา โดยชี้ว่า บริษัทที่ให้บริการแท็กซี่จะต้องจัดตั้งห้องควบคุมที่สามารถติดตามยานพาหนะและมีการบันทึกใบหน้าของผู้ขับขี่ทุกๆ 3 ชั่วโมง นอกจากนี้บริษัทยังต้องจัดหาประกันสำหรับผู้ขับขี่ รวมถึงจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดบนแอปพลิเคชันไว้ในเซิร์ฟเวอร์ท้องถิ่นเป็นเวลา 2 ปีด้วย