ตลาดหุ้นโลกปิดเดือนสุดท้ายของปี 2019 ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ ความเสี่ยงที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลงนั้นลดลง และแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักๆจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลงประมาณ 0.7% ในเดือนธันวาคม จากความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปีขายสุทธิ 4.53 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมปี 2019 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 1.0% ปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านและตลาดหุ้นโลก
แนวโน้มการลงทุนในปี 2020 ยังคงเป็นปีที่ท้าทาย แม้ว่าปัจจัยความเสี่ยงๆต่างในปีที่แล้วจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งการเจรจาการค้าและความเสี่ยง no-deal Brexit ที่ลดลง ซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย อีกทั้งแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารหลักๆยังคงสนับสนุนให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำในช่วงอนาคตข้างหน้า เพื่อช่วยรองรับเศรษฐกิจและตลาดการเงิน รวมถึงเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นบ้าง สะท้อนผ่านดัชนี PMI อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดมีความผันผวนต่อได้ คือ พัฒนาการของการเจรจาการค้าในเฟสต่อๆไป ซึ่งเป็นเรื่องยากในการเห็นข้อสรุป และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีนี้ รวมถึงความเสี่ยงใหม่อย่างความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งถึงแม้เบื้องต้นตลาดจะประเมินว่ามีความเสี่ยงจำกัด แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นความเสี่ยงต่อภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง และยังไม่แน่ชัดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดระยะสั้นหรือระยะยาว
สำหรับ ตลาดหุ้นไทย เผชิญความเสี่ยงมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐจากงบประมาณปี 2563 ที่มีความล่าช้า ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวเริ่มส่งผลไปยังภาคการบริโภคในประเทศ และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปีนี้โตไม่ถึง 3.0% อย่างไรก็ดี เราคาดหวังว่า เม็ดเงินจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลเชิงบวกให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยภาพรวมเรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังประเด็นความเสี่ยงเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีความระมัดระวัง โดยกลยุทธ์ลงทุน ยังเน้นเลือกหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต่างๆ รวมถึงหุ้นแข็งแกร่งที่จะสามารถผ่านความผันผวนทางเศรษฐกิจได้
Fund Comment
Fund Comment ธันวาคม 2562 : ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกปิดเดือนสุดท้ายของปี 2019 ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้น หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ ความเสี่ยงที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลงนั้นลดลง และแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักๆจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลดลงประมาณ 0.7% ในเดือนธันวาคม จากความกังวลต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ 2.45 หมื่นล้านบาท รวมทั้งปีขายสุทธิ 4.53 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมปี 2019 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 1.0% ปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านและตลาดหุ้นโลก
แนวโน้มการลงทุนในปี 2020 ยังคงเป็นปีที่ท้าทาย แม้ว่าปัจจัยความเสี่ยงๆต่างในปีที่แล้วจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทั้งการเจรจาการค้าและความเสี่ยง no-deal Brexit ที่ลดลง ซึ่งช่วยจำกัดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย อีกทั้งแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารหลักๆยังคงสนับสนุนให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำในช่วงอนาคตข้างหน้า เพื่อช่วยรองรับเศรษฐกิจและตลาดการเงิน รวมถึงเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นบ้าง สะท้อนผ่านดัชนี PMI อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่จะทำให้ตลาดมีความผันผวนต่อได้ คือ พัฒนาการของการเจรจาการค้าในเฟสต่อๆไป ซึ่งเป็นเรื่องยากในการเห็นข้อสรุป และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีนี้ รวมถึงความเสี่ยงใหม่อย่างความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งถึงแม้เบื้องต้นตลาดจะประเมินว่ามีความเสี่ยงจำกัด แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นความเสี่ยงต่อภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง และยังไม่แน่ชัดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดระยะสั้นหรือระยะยาว
สำหรับ ตลาดหุ้นไทย เผชิญความเสี่ยงมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐจากงบประมาณปี 2563 ที่มีความล่าช้า ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวเริ่มส่งผลไปยังภาคการบริโภคในประเทศ และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปีนี้โตไม่ถึง 3.0% อย่างไรก็ดี เราคาดหวังว่า เม็ดเงินจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในปีนี้ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลเชิงบวกให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยภาพรวมเรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังประเด็นความเสี่ยงเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีความระมัดระวัง โดยกลยุทธ์ลงทุน ยังเน้นเลือกหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต่างๆ รวมถึงหุ้นแข็งแกร่งที่จะสามารถผ่านความผันผวนทางเศรษฐกิจได้