แบล็คร็อค บริษัทจัดการกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีนโยบายยกเครื่องยุทธศาสตร์การลงทุน ด้วยการหันมาเน้นการลงทุนในบริษัทหรือกิจการที่เน้นความยั่งยืน
นายลาร์รี่ ฟิงค์ ซีอีโอของแบล็คร็อค ซึ่งมีทรัพย์สินภายใต้การบริหาร 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้เขียนจดหมายประจำปีถึงผู้บริหารของบริษัทว่า กำลังมีการเปลี่ยนในเชิงปัจจัยพื้นฐานทางด้านการเงิน โดยที่การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศกำลังจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่กำหนดอนาคตระยะยาวของบริษัทต่างๆ
เขาบอกว่า ยุทธศาสตร์การลงทุนที่เน้นความยั่งยืน มีเหตุมีผลไม่เพียงแค่ในแง่มุมทางสังคม แต่ครอบคลุมถึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศสร้างความเสี่ยงในระยะยาว และบริษัทต่างๆ ไม่สามารถเพิกเฉยต่อความเสี่ยงนี้อีกต่อไป
แบล็คร็อค มีแผนที่จะเปิดตัวกองทุน ทั้งประเภทแอคทีฟ และพาสซีฟ ที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจแบบยั่งยืน คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ในทางปฏิบัติ แบล็คร็อคอาจจะมีปัญหาบ้างในการเน้นการลงทุนแบบยั่งยืน เพราะว่าแบล็คร็อคมีกองทุนภายใต้การบริหารที่มีขนาดใหญ่มหึมา ทำให้มีข้อจำกัดในการเลือกการลงทุน นอกจากนี้แบล็คร็อคยังมีกองทุนพาสซีฟที่ลงทุนแบบเกาะดัชนีตลาดหุ้น S&P 500 ทำให้เป็นการยากที่จะขายหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจที่อาจจะไม่เน้นความยั่งยืน
ครั้งนี้ ไม่ใช้เป็นครั้งแรกที่ นายฟิงค์ เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารบริษัทแบล็คร็อคให้คำนึงถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและการลงทุนแบบยั่งยืน ในปี 2018 เขาบอกว่า บริษัทต้องเน้นเรื่องอื่นบ้างไม่ใช่มุ่งหาเงินอย่างเดียว และในปี 2019 เขาส่งสัญญานว่า บริษัทต่างๆ ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนด้านสังคม
ในปีนี้ นายฟิงค์ ต้องการเน้นการลงทุนแบบยั่งยืนให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการเตรียมการออกกองทุนใหม่ๆ รวมทั้งเพิ่มขนาดกองทุนอีทีเอฟเป็นเท่าตัวที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่ใส่ใจในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG