สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า การสั่งห้ามทัวร์จีนเดินทางในเวลานี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่นที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนทั้งหมด 40 ล้านคน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดสำคัญอย่างมากของญี่ปุ่น โดยปีที่ผ่านมา สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน คิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาเยือน ซึ่งในปีที่แล้ว ญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ รวมทั้งเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรงที่เกิดจากสภาพอากาศ
ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พยายามอย่างมากเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เนื่องจากญี่ปุ่นมีประเด็นเรื่องราคาแพง และคนขาดทักษะด้านภาษาต่างประเทศ โดยรัฐบาลได้ผ่อนคลายเรื่องการอนุมัติวีซ่า ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 4 เท่า เป็น 31.9 ล้านคนในปี 2012 ซึ่งก็ทำให้ภาคธุรกิจเครื่องสำอาง สินค้าเพื่อการบริโภค และบริการ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ทั้งนี้ จากปรากฎการณ์เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่มีจุดเริ่มต้นจากจีน แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จีนจำกัดการเดินทางของคนจากเมืองอู่ฮั่นที่จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันการเดินทางเที่ยวในประเทศ ซึ่งการจำกัดนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางของวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ถือเป็นช่วงเวลาที่คนจีนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมาก โดยจากข้อมูลปี 2018 พบว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวจีนที่มาญี่ปุ่น มากับทัวร์
นอกจากนี้จีนยังมียอดการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่นสูงมาก เมื่อปีที่ผ่านมา จีนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ คือสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่น คิดเป็น 37% ของรายได้ท่องเที่ยวทั้งหมด โดยคนจีนใช้จ่ายถึง 1.77 ล้านล้านเยน หรือ 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 15% ช่วยญี่ปุ่นที่กำลังเผชิญกับภาวะนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ลดลงไปมากกว่า 60% ในเดือน ธ.ค. 2019 เทียบ ธ.ค. 2018 ได้
ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่น อาจได้รับผลกระทบจากไวรัสนี้ มากกว่าในช่วงซาร์สระบาดเมื่อปี 2003 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง Shuji Tonouchi และ Lee Chiwoong นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities เขียนวิเคราะห์เอาไว้ตั้งแต่ก่อนจีนจะแบนกรุ๊ปทัวร์