ตลาดหุ้นโลกเริ่มต้นปีด้วยปัจจัยบวกจากการเซ็นข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งลดความกดดันที่มีผลต่อการชะลอของเศรษฐกิจโลกลง อย่างไรก็ตาม ตลาดเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงใหม่เรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งเริ่มต้นจากประเทศจีนและแพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลให้ภาคธุรกิจจีนและการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบ แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงชั่วคราวและประเทศต่างๆยังต้องหาวิธีการรับมือเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้าง แต่ก็ยังทำให้เกิดความกังวลว่า จะกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าจะเจอปัจจัยลบจากโรคระบาด แต่ตลาดหุ้นหลักๆ นอกตลาดเอเชีย ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดเอเชีย ส่วนใหญ่ยังให้ผลตอบแทนติดลบ เนื่องจาก เศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย มีความเชื่อมโยงกับประเทศจีนมากกว่าทั้งภาคการผลิต การค้า และการลงทุน ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศต่างๆถูกชะลอออกไป
ด้านเศรษฐกิจไทย เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น อาทิ ภาคการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ภาคการท่องเที่ยวที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ล่าช้า ทำให้ภาคการบริโภคในประเทศเริ่มได้รับผลกระทบ ส่งผลให้หลายสำนักเริ่มมีการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลง โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 4.1% ในเดือนมกราคม ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกและเอเชีย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีก 1.73 หมื่นล้านบาท เป็นการขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
โดยภาพรวมแล้ว แม้ว่าตลาดจะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ดัชนีที่ปรับตัวลดลงมา และตัวเลขประมาณการ EPS ในปีนี้ ที่ปรับลดลงมาแล้ว จาก 102 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 98 บาทต่อหุ้น ก็ได้มีการรับรู้ปัจจัยลบไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ หลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านทั้งด้านการเงินและการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่ประเทศไทยเอง แบงก์ชาติก็ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจ เรามองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นในช่วงนี้ จึงเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นรายตัว ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี สำหรับการลงทุน
Fund Comment
Fund Comment มกราคม 2563 : ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกเริ่มต้นปีด้วยปัจจัยบวกจากการเซ็นข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งลดความกดดันที่มีผลต่อการชะลอของเศรษฐกิจโลกลง อย่างไรก็ตาม ตลาดเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงใหม่เรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งเริ่มต้นจากประเทศจีนและแพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลให้ภาคธุรกิจจีนและการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบ แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงชั่วคราวและประเทศต่างๆยังต้องหาวิธีการรับมือเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้าง แต่ก็ยังทำให้เกิดความกังวลว่า จะกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าจะเจอปัจจัยลบจากโรคระบาด แต่ตลาดหุ้นหลักๆ นอกตลาดเอเชีย ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดเอเชีย ส่วนใหญ่ยังให้ผลตอบแทนติดลบ เนื่องจาก เศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย มีความเชื่อมโยงกับประเทศจีนมากกว่าทั้งภาคการผลิต การค้า และการลงทุน ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศต่างๆถูกชะลอออกไป
ด้านเศรษฐกิจไทย เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น อาทิ ภาคการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว ภาคการท่องเที่ยวที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ล่าช้า ทำให้ภาคการบริโภคในประเทศเริ่มได้รับผลกระทบ ส่งผลให้หลายสำนักเริ่มมีการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลง โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 4.1% ในเดือนมกราคม ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกและเอเชีย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีก 1.73 หมื่นล้านบาท เป็นการขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6
โดยภาพรวมแล้ว แม้ว่าตลาดจะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ดัชนีที่ปรับตัวลดลงมา และตัวเลขประมาณการ EPS ในปีนี้ ที่ปรับลดลงมาแล้ว จาก 102 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 98 บาทต่อหุ้น ก็ได้มีการรับรู้ปัจจัยลบไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ หลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านทั้งด้านการเงินและการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่ประเทศไทยเอง แบงก์ชาติก็ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจ เรามองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้นในช่วงนี้ จึงเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นรายตัว ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี สำหรับการลงทุน