สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัทจีนออกมาให้ข้อมูลว่าสามารถพัฒนาเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) ที่ระบุตัวตนของบุคคลในเวลาที่พวกเขาสวมหน้ากากได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เพื่อรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ระบาดในช่วงนี้
ทั้งนี้ จีนมีระบบการตรวจจับทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกเวลานี้ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าด้วย กระทั่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มต้นในมณฑลหูเป่ยของจีนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้คนจำนวนมากใส่หน้ากากอนามัยออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านเพื่อป้องกันตัวเองจากไวรัสโควิด-19 จึงเป็นหนึ่งในปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับการเฝ้าระวัง
ปัจจุบัน บริษัท Hanwang Technology ซึ่งดำเนินการภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Hanvon ออกมาระบุว่า บริษัทประสบความสำเร็จกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถจดจำใบหน้าของผู้คนแม้จะใส่หน้ากากอยู่ได้แล้ว
“ถ้าเชื่อมต่อกับเครื่องตรวจจับอุณหภูมิ ก็จะวัดอุณหภูมิร่างกายได้ ในเวลาเดียวกันก็ระบุตัวตนบุคคลได้ หากระบบประมวลผลว่ามีอุณหภูมิมากกว่า 38 องศา ก็จะบอกออกมา” Huang Lei รองประธาน บริษัท Hanwang Technology กล่าว
เขาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทมีทีมงานประมาณ 20 คน ใช้เทคโนโลยีหลักๆ ที่พัฒนาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึงใช้ฐานข้อมูลตัวอย่างของบุคคลที่ไม่ได้สวมหน้ากาก 6 ล้านคน รวมถึงฐานข้อมูลจำนวนเล็กน้อยของบุคคลที่สวมหน้ากาก เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้
ทีมงานเริ่มทำงานกันเกี่ยวกับระบบนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โควิด-19 เริ่มระบาด และเริ่มแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยเทคโนโลยีแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ระบบการจดจำแบบ “ช่องทางเดียว” ใช้ในการรับรู้และจดจำผู้คนที่เดินผ่าน เช่น ทางเข้าสำนักงาน ส่วนอีกกลุ่มคือ ระบบการจดจำแบบ “หลากหลายช่องทาง” ที่ใช้กล้องวงจรปิดหลายตัว
“ระบบสามารถระบุตัวตนของทุกคนในกลุ่มฝูงชนที่มี 30 คนขึ้นไปได้ ภายในเวลาเพียงวินาทีเดียว” Huang กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อสวมหน้ากาก อัตราการจดจำใบหน้าจะอยู่ที่ 95% ซึ่งหมายความว่าจะสามารถจดจำและระบุตัวตนของคนส่วนใหญ่ได้ ส่วนอัตราความสำเร็จในการระบุตัวตนของผู้คนที่ไม่ได้สวมหน้ากากนั้นจะอยู่ที่ 99.5%