โดย…เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน
BF Knowledge Center
ตั้งแต่ต้นปีมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย บางเรื่องมาแล้วเงียบ แต่บางเรื่องก็มีผลกระทบระยะยาว ทั้งเรื่องปัญหาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ตามมาด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) และยังมีปัญหาสงครามราคาน้ำมัน ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นและการลงทุนผันผวนมาก ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนที่กำลังลงทุนอยู่ ไม่รู้ว่าจะหนีออกไปลงทุนทางไหนดี
ในสถานการณ์แบบนี้ การลงทุนในหุ้นแบบระยะยาว ยังเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการหาดอกผล เพียงแต่ว่านักลงทุนต้องทบทวนกันใหม่ว่ากองทุนแบบไหนที่จะเหมาะสม
ทั้งนี้ การลงทุนผ่านกองทุนรวม จะมีผู้จัดการกองทุนเป็นผู้พิจารณาเลือกให้ แต่เราในฐานะเจ้าของเงิน ก็สามารถร่วมตัดสินใจได้ด้วยการเลือกให้น้ำหนักการลงทุนในกองทุนที่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงให้มากขึ้น ซึ่ง กองทุนบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี หรือ B-INNOTECH คือ กองทุนที่น่าสนใจ
กองทุนนี้ลงทุนในกองทุนหลักชื่อ Fidelity Global Technology Fund ซึ่งเลือกลงทุนในกิจการด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว ลองนึกภาพการใช้ชีวิตประจำวันของหลายคนทุกวันนี้ จะพบว่า เราใช้อุปกรณ์ดิจิทัล ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน เราซื้อของผ่านร้านออนไลน์มากกว่าไปเดินห้าง เราพบว่ามีแอปพลิเคชันใหม่ๆ เครื่องมือใหม่ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นองค์ประกอบเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้วิถีชีวิตเราเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเกิดปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด เกิดเหตุราคาน้ำมันร่วงลง แต่ชีวิตเราก็ยังต้องเดินต่อไปและเป้นการเดินภายใต้การใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
สำหรับ ตัวอย่างของหุ้นที่กองทุนหลักลงทุน คือ กิจการด้านเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันมาก เช่น SAMSUNG ELECTRONICS, APPLE, ALPHABET (Google), MICROSOFT CORP, IBM, INTEL, ORACLE, NETFLIX และ UBER เป็นต้น
จะเห็นว่า แม้ B-INNOTECH จะเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ แต่เราที่อยู่ในไทยก็เป็นลูกค้าของกิจการเหล่านี้ทั้งนั้น นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมหุ้นเทคโนโลยีต่างๆ จึงทนทานต่อความผันผวนต่างๆ ได้ดี เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กิจการก็ยังดำเนินไป มีกำไร มีลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็คือพวกเรานั่นเอง