โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP®
ช่วงนี้ จิตตกกันหมด ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ จะลงทุนเองโดยตรง หรือ ลงทุนผ่านกองทุนรวมทางอ้อม มีได้เลือดซิบๆ กันเป็นแถบ
จะหาใครที่มีพอร์ตการลงทุนเป็นบวกคงจะยากเต็มที เต็มที่ก็แค่แสบๆ คันๆ ลบบ้างนิดหน่อย แต่ที่แทบจะเป็นลมสลบไปเลยก็คงหนีไม่พ้นกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูงๆ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ หากใครที่ขาดทุนไม่มากนัก และอยากหยุดการขาดทุนแต่เพียงเท่านี้ การตัดสินใจขายตัดขาดทุนก็เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าคิดว่าในอนาคตราคามีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ และมีเวลาในการรอคอยนานพอก็สามารถถือลงทุนต่อไปได้
ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากจะว่าไป ใครที่จัดสัดส่วนการลงทุนแบบหวือหวาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าได้ผลประโยชน์ไปเป็นกอบเป็นกำ ส่วนใครที่เพิ่งลงทุนแบบหวือหวาในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ ก็อาจจะเกิดอาการตกใจว่าเงินสะสมที่ลงทุนไป หรือผลประโยชน์จากเงินสะสมหดหายและอาจถึงกับติดลบไปด้วย เรียกว่าเป็นช่วงทดสอบจิตใจกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่าสิ่งที่เราเลือกลงทุนไปนั้น เรารับได้จริงหรือเปล่า รับได้เฉพาะช่วงขาขึ้นเท่านั้น แล้วขาลงล่ะรับไหวไหม
สำหรับ ใครที่มีเวลาลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หากคิดว่าเศรษฐกิจเราจะดีขึ้น ยังกลับมาได้ เงินลงทุนใหม่ที่เราลงทุนตอนนี้อาจเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่น กองทุนหุ้น เพราะราคาตกลงไปอย่างน่าใจหาย ในขณะที่หลายบริษัทยังสามารถดำเนินกิจการได้ ยังสามารถสร้างกำไรในอนาคตได้
ส่วนเงินก้อนเดิมหรือเงินลงทุนเก่าก็คงแบบเดิมไว้ แต่ถ้าหากอยากหยุดการขาดทุนของเดิมก็สับเปลี่ยนเงินก้อนใหญ่ก้อนเดิมนั้นไปลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายความเสี่ยงต่ำอย่างเช่นกองทุนรวมตราสารหนี้ ส่วนเงินสะสมใหม่ที่ต้องใส่ทุกเดือนก็สามารถลงทุนในนโยบายที่มีความเสี่ยงสูงได้
แต่ถ้า ใครคิดว่าไม่มีเวลาแล้ว เวลาเหลือน้อยเต็มทีสำหรับการสะสมเงิน และจำเป็นต้องใช้เงินทันทีทั้งหมดด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ อาจจะสับเปลี่ยนการลงทุนจากเดิมที่มีอยู่ มาเป็นการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายเสี่ยงต่ำทั้งหมด จะช่วยลดความตกใจหากตลาดหุ้น หรือตลาดทองคำ หรืออสังหาฯ ปรับตัวลดลงอีก ในส่วนของเงินสะสมใหม่ก็เลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งจำนวนก็ได้ แต่ต้องยอมรับอีกส่วนเช่นกันว่า หากสับเปลี่ยนมาแล้วและตลาดเริ่มหันทิศทางกลับไปในทิศทางที่ดีขึ้น เราเองก็อาจจะตกรถไฟได้ หรือหันกลับไปก็อาจจะช้าเกินไป หากใจไม่พร้อม
ทางที่ดี สำหรับใครที่ลงทุนอยู่ในตอนนี้ การจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับตัวเองก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ อย่าจัดพอร์ตหรือลงทุนตามอารมณ์ของตัวเอง หรือตามกระแสคนรอบข้าง ต้องมีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน หากมีเป้าหมายชัดเจนและสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว เงินลงทุนได้ตามที่ตั้งใจแล้ว การปรับพอร์ตการลงทุนให้เงินก้อนใหญ่ที่มีมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ ส่วนเงินสะสมหรือเงินลงทุนใหม่ก็จัดการลงทุนแบบหวือหวาสักนิดเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนก็สามารถทำได้
สำหรับการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อย่าลืมว่าเราลูกจ้างใส่เงินสะสม ยังมีส่วนของนายจ้างที่ใส่เงินสมทบให้ด้วย ดังนั้น แม้ว่าในส่วนของเราหรือเงินสะสมจะหดหายไป และส่วนเงินสมทบหดหายไปบ้าง แต่ถ้าลองดูแล้ว เงินสมทบที่จะได้รับในอนาคตก็ยังช่วยให้เงินของเราไม่ได้ขาดหายไปมากนัก