สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมาผู้จำหน่ายรถยนต์ยังใช้ช่องทางการขายผ่านอี-คอมเมิร์ซไม่มาก แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ก็ส่งผลให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ทั้งนี้ จะพบว่า การซื้อขายบนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ไม่สามารถพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวในโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ได้ โดยตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ต่างก็เริ่มใช้เครื่องมือดิจิทัล เพื่อทำข้อตกลงกับลูกค้า ไม่มีการจับมือแสดงความยินดีหรือการต้อนรับลูกค้าที่มารับรถใหม่ที่โชว์รูม แต่เปลี่ยนเป็นการนำส่งรถให้ถึงที่โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมายังโชว์รูมรถยนต์ด้วยตัวเอง
สำหรับรถยนต์ใหม่ของสหรัฐฯ คาดว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างแรงจากโควิด-19 โดย เจ.ดี.พาวเวอร์ บรัทวิจัย ให้ข้อมูลว่า 19 วันแรกของเดือน มี.ค. ความต้องการซื้อรถยนต์ลดลงไปถึง 13% โดยในสหรัฐฯ พบว่า พื้นที่ซีแอตเทิลได้รับผลกระทบหนักที่สุด ตามมาด้วย ซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลลิส และชิคาโก ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะพบว่าไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จนทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์หล่นลงมาถึง 22%
ฝ่ายวิเคราะห์ของมูดี้ส์ ให้ข้อมูลเมื่อวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตลาดรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองของสหรัฐฯ ในปีนี้ อาจจะร่วงลงมาถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และแรงกดดันนี้จะมีผลต่อไปจนถึงปี 2021 ด้วย
จากการสำรวจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ประมาณ 40 ราย นักวิเคราะห์ของ Evercore ISI ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ที่ปรับปัจจัยฤดูกาลเดือน มี.ค. แล้ว น่าจะอยู่ที่ 11-12 ล้านคัน ถือเป็นระดับที่เคยเห็นในช่วงวิกฤติการเงินปี 2008/2009
อย่างไรก็ตาม พบว่า ยอดขายออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐฯ และแคนาดา ที่ Roadster เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายดิจิทัล ดำเนินการทุกสิ่งตั้งแต่จัดทำเอกสารการเงินไปจนถึงส่งรถยนต์ เพิ่มขึ้นถึง 6%