กองทุนรวมบัวหลวงหุ้นธรรมาภิบาลไทย (B-THAICG)

กองทุนรวมบัวหลวงหุ้นธรรมาภิบาลไทย (B-THAICG)

BBLAM’s 2020 INVESTMENT THEMES

“เครือข่ายครอบคลุม สร้างความแข็งแกร่ง บรรษัทแข็งแรงสร้างความยั่งยืน”

ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนอย่างมากในปีนี้ และปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จากประเทศจีนกลายเป็นการแพร่ระบาดทั่วโลก แม้ว่าประเทศจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนกลับมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอิตาลี เกาหลีใต้ อิหร่าน รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดต่างๆ อยู่ในโหมด Risk-off  นักลงทุนขายสินทรัพย์เพื่อถือครองเงินสด จากความกังวลต่อผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลก ถึงแม้ว่า  Fed มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการเร่งด่วนลง 2 ครั้ง ครั้งแรกปรับลดลง 0.5% สู่ระดับ 1.00-1.25% และครั้งที่สอง ปรับลดลง 1% สู่ระดับ 0% และมีมาตรการอัดฉัดเงินเพิ่มเติมแต่ตลาดยังคงตอบรับในเชิงลบ

ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงแนวโน้มความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลานี้ และอีกหนึ่งปัจจัยหนึ่ง คือ สถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวลงอย่างแรงและรวดเร็ว หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตร่วมกันได้ กลายเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามราคาน้ำมันเข้ามาเพิ่มขึ้น

ด้านเศรษฐกิจไทย เผชิญกับความกดดันมากขึ้นในทุกภาคส่วน โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ภาคการส่งออกยังคงมีความชะลอตัวจากห่วงโซ่การผลิตของจีน รวมถึงภาคการบริโภคในประเทศ ที่คนระมัดระวังการใช้จ่ายและออกนอกบ้านน้อยลง โดยความอ่อนแอลงทางเศรษฐกิจของไทยนี้ สะท้อนผ่านค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วนับจากต้นปี และการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยที่ลดลงมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ทำให้จำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินและการคลังมาช่วยรองรับกับสถานการณ์นี้ โดยกนง.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปแล้วในต้นเดือนกุมภาพันธ์ และปรับลดอีกเป็นการเร่งด่วนในเดือนมีนาคม ขณะที่ภาครัฐนั้น ได้เริ่มมีการออกมาตรการออกมา ได้แก่ การผ่อนคลายสินเชื่อ และแจกเงินผู้มีรายได้น้อย เพื่อประคองให้เศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไปได้

โดยภาพรวมแล้ว แม้ว่าเหตุการณ์การแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ จะเป็นปัจจัยที่กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะยาวนานเพียงใด แต่สภาวการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจนั้นอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ ธนาคารกลางและนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ได้มีการเตรียมพร้อมและเริ่มทยอยออกมาตรการออกมาเพื่อรองรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้น ถ้าหากระดับราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ มีการรับรู้ความเสี่ยงมากถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะถือเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สามารถผ่านความผันผวนทางเศรษฐกิจช่วงนี้ไปได้ แนวโน้มการลงทุนในช่วงต่อจากนี้ จึงยังต้องจับตาปัจจัยต่างๆ ว่าจะมีพัฒนาการออกมาชี้นำภาพเศรษฐกิจไปในทิศทางใด การลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากตลาดจะยังมีความผันผวนอยู่

กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน

ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดมากขึ้น เนื่องจากมองว่าในช่วงปลายปี มีราคาหุ้นบางตัวปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว และในปีนี้ผู้จัดการกองทุนหลีกเลี่ยงกลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เพราะการแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้กิจกรรมการผลิต การบริการ และการใช้จ่ายขยายวงกว้างในเชิงลบ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

ผู้จัดการกองทุนมีความเห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้เริ่มมีมาตรการควบคุมอย่างเข็มงวดในการปิดประเทศ แต่การรักษาหรือการป้องกันยังต้องใช้เวลา รวมถึงระดับความมั่นใจของนักลงทุน ซึ่งความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะเริ่มดีขึ้นเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สามารถควบคุมได้ อัตราการเพิ่มขึ้นของคนติดเชื้อน้อยลง หรือการมียารักษา / วัคซีน ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีความคืบหน้าในห้องแล็บไปบ้างแล้ว แต่ยังคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาอย่างน้อยประมาณ 6 เดือน

สำหรับตลาดหุ้นไทย ผู้จัดการกองทุนมีความเห็นว่า การที่ตลาดหุ้นปรับลงมากกว่า -30% ราคาหุ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมก็ปรับลงมามาก จนทำให้ P/E หรือ มูลค่าของหุ้นลงมาในระดับที่น่าลงทุน เมื่อเทียบกับ Business Model ของบริษัทและ Franchise Value ที่มีอยู่  โดย P/E ปัจจุบันอยู่ในระดับ 11.6 เท่า น้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 15 ปีที่ 15.31 เท่า นอกจากนี้ ผลตอบแทนการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ประมาณ 4.47% ในปัจจุบัน เป็นระดับที่น่าสนใจ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีกระแสเงินสดดี มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ที่สามารถผ่าน Cycle ช่วงนี้ไปได้ โดยกลุ่มที่ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองบวก คือ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มขนส่ง กลุ่มอาหาร และกลุ่มโรงพยาบาล ดังนี้

กลุ่มค้าปลีก : ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตอย่างสม่ำเสมอและได้รับผลกระทบจากวัฎจักรเศรษฐกิจน้อย  ผู้จัดการกองทุนเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันและมีความสามารถในการขยายธุรกิจ

กลุ่มขนส่ง : ภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เติบโตระดับต่ำ เน้นลงทุนในบริษัทที่กำไรสามารถเติบโตได้จากการขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าและทางด่วน

กลุ่มอาหาร : ผลตอบแทนของกลุ่มโดนกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เงินบาทแข็ง และภัยแล้ง  อย่างไรก็ตามจากการที่ค่าเงินบาทเริ่มส่งสัญญาณอ่อนค่า จะได้รับผลดีต่อการส่งออก และเชื่อว่าหากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ภาครัฐจะมีมาตรการสนับสนุนเกษตรกรมากขึ้น

กลุ่มโรงพยาบาล : ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจึงมีความต้องการบริการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น ซึ่งโรงพยาบาลภาครัฐมีไม่เพียงพอ โดยเน้นลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายกระจายตัวทั่วประเทศ

ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ 28 กุมภาพันธ์ 2563

น้ำหนักการลงทุนของกองทุนแยกตามหมวดธุรกิจเทียบกับ Benchmark ณ 28 กุมภาพันธ์ 2563

 

ตัวอย่างโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุน

  1. โครงการ “CAC SME Certification” ซึ่งเป็นโครงการภายใต้แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (Collective Action Coalition Against Corruption หรือ CAC) เพื่อรับรองบริษัทเอกชนขนาดเล็กและขนาดกลางที่ผ่านการตรวจสอบว่ามีนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการทุจริตครบถ้วนตามเกณฑ์ที่ CAC กำหนด เพื่อสร้างระบบนิเวศของธุรกิจที่ปราศจากการคอร์รัปชัน ซึ่งบริษัท SME ที่ได้ผ่านการรับรองจาก CAC มีการปรับปรุงนโยบายและข้อปฏิบัติในการทำงาน โดยสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ การประกาศใช้นโยบาย No Gift Policy นอกจากนี้โครงการยังจัด SMEs Executive Briefing, SMEs Clinic, Independent Auditor training และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิก
  2. โครงการ “เกมเพื่อการเรียนรู้การต่อต้านคอร์รัปชัน” (Corrupt the Game) สำหรับเยาวชนในโรงเรียน ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการสื่อสารปัญหาและผลกระทบของคอร์รัปชั่นภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเพื่อคนไทยและโอเพ่นดรีมซึ่งพัฒนาให้รองรับการเรียนการสอนในห้องเรียนด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้การต่อต้านคอร์รัปชั่นผ่านเกมส์ พัฒนาเนื้อหาให้เหมาะกับคาบเรียน พัฒนาเกมให้สามารถลงใน PC Windows, Stream, Android จัดทำเนื้อหาส่วนแนะนำเกมและการติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ให้กับคุณครู
  3. โครงการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact Capacity Development) เพื่อจัดทำ Platform ใช้สนับสนุนการทำงานโครงการข้อตกลงคุณธรรม เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์อิสระมีระบบในการหาข้อมูลและรายงานการสังเกตการณ์ ซึ่งจะรองรับจำนวนผู้สังเกตการณ์ได้มากขึ้น (ประมาณ 200 คน)
  4. โครงการหมาเฝ้าบ้าน (ACT WATCHDOG) มีการนำโซเชียลมีเดียมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ เป็นการสร้างหมาเฝ้าบ้านให้กับประเทศ เป็นประชาชนที่ตื่นรู้และลงมือทำอย่างจริงจัง คอยสอดส่อง ส่งต่อหรือเผยแพร่ข้อมูลการทุจริต ใช้พลังทางสังคมสร้างการรับรู้ เรียนรู้และเปลี่ยนแปลง จะส่งผลในทางป้องปรามไม่ให้เกิดการทุจริตในภาครัฐตั้งแต่ต้น มีการจัดอบรมพัฒนาทีมอาสาสมัครหมาเฝ้าบ้านช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบและเปิดโปงทุจริต
  5. โครงการ Big Open Data เป็นโครงการสนับสนุนการจัดทำระบบรวบรวมข้อมูลของภาครัฐและเอกชน ให้กับหน่วยงานต่างๆ ใช้ตรวจสอบ มีการเชื่อมโยง จัดการ และวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการต่อต้านคอร์รัปชัน สนับสนุนนักข่าว สื่อ ภาคประชาสังคมและประชาชน สร้างความร่วมมือในการทำงานแบบภาคี

ใช้เผยแพร่ ณ วันที่ 26 มีนาคม 2563

ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง