ซีเอ็นบีซี รายงานว่า มีข้อมูลใหม่ออกมาสะท้อนว่า ชาวอเมริกันที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ นำเงินไปใช้บรรเทาค่าครองชีพในแต่ละวัน
ข้อมูลนี้มาจาก Current ธนาคารดิจิทัล ซึ่งพบว่า ลูกค้าที่ได้รับเงินช่วยเหลือนี้ไปแล้ว ช่วง 5 วันที่ผ่านมา ใช้จ่าย 16% ของเงินกับอาหาร ทั้งแบบซื้อกลับบ้านและไปส่งถึงที่ ส่วนอีก 9% ใช้จ่ายไปกับของชำ และ 10% ใช้จ่ายเป็นค่าแก๊ส
“สิ่งที่ชัดเจนคือเรื่องอาหาร ที่ทำให้ผู้คนต้องดิ้นรน พวกเขาแค่ต้องการพยายามมีชีวิตรอด และเราคิดว่าเงินช่วยเหลือตามมาตรการที่ออกมาก็เพื่อสิ่งเหล่านี้” Stuart Sopp ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Current กล่าว
ตัวเลขที่ออกมานี้ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนอเมริกันใช้จ่ายเงินที่ได้รับโอนจากรัฐบาลในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เนื่องจากธุรกิจต้องปิดและทำให้คนว่างงานหลายล้านคน
กฎหมายประกันสุขภาพ หรือ The CARES Act ที่ผ่านสภาคองเกรสไปเมื่อสิ้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา กำหนดให้โอนเงินครั้งเดียวไม่ต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบุคคลทั่วไป เพื่อใช้รับมือกับเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า สัปดาห์นี้คนอเมริกันหลายสิบล้านคนจะได้รับเงินผ่านบัญชีเงินฝากโดยตรง
ทั้งนี้ ธนาคารแบบดั้งเดิมจะเริ่มนำฝากเช็คให้กับบัญชีของลูกค้าสัปดาห์นี้ แต่บริษัทสตาร์ทอัพที่ทำเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ได้จ่ายเงินนี้ไปให้ลูกค้าแล้ว
Current ให้ข้อมูลว่าล่าสุดวันศูกร์ที่ผ่านมา ได้จ่ายเครดิตให้บัญชีสมาชิกไปแล้ว 16,595 บัญชี ด้วยเงินตามมาตรการของรัฐ โดย 45% ของเงินจำนวนนี้ถูกนำไปใช้จ่ายแล้ว และคาดว่าเงินทั้งหมดจะถูกใช้จ่ายออกไปภายในไม่กี่สัปดาห์จากนี้
เบื้องต้น อาหาร ของชำ แก๊ส เป็นสิ่งที่ลูกค้านำเงินไปใช้จ่ายเป็นหลัก และพบว่า ลูกค้าของ Current ใช้จ่ายเงิน 14% ของเงินที่ได้ไปกับการโอนเงินให้บุคคลอื่นบนแพลตฟอร์ม เพราะลูกค้าบางคนอาจจะยืมเงินมาจากคนอื่นก่อนหน้านี้ในช่วงที่ต้องการใช้เงิน และใช้เงินที่ได้รับมานี้จ่ายคืนพวกเขาไป
“เราเห็นคนจำนวนหนึ่งจ่ายเงินคืนให้เพื่อนและครอบครัว และเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับมาก็ถูกใช้ไปกับการใช้ชีวิต ส่วนบางคนก็กำลังรอให้เงินที่รัฐให้มาเข้าบัญชีอยู่” Sopp กล่าว