รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สหรัฐฯ อาจต้องพยายามมากขึ้นเป็น 2 เท่าในการสร้างความสมดุลระหว่างข้อจำกัดต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) แพร่ระบาด ไปพร้อมกับการตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจของแรงงาน
ปัจจุบัน การวิจัยสรุปได้ว่า แรงงานที่อายุน้อยจะได้รับประโยชน์มากกว่าในการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดลง ขณะที่ผู้สูงอายุมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับมาตรการคุ้มครองจากโรคระบาดมากที่สุด ส่วนแรงงานวัยกลางคนที่มีข้อจำกัดเล็กน้อย ให้คงเหลือกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดไว้จนถึงสิ้นเดือน ก.ค. น่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
รายงานดังกล่าว จัดทำขึ้นโดยทีมวิจัย ซึ่งรวมถึงที่ปรึกษาทางการเงิน Jonathan Heathcote ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส และ Andrew Glover นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเฟด สาขาแคนซัสซิตี้
ในรายงานกล่างถึงหัวข้อ สุขภาพกับความมั่งคั่ง ไว้อย่างชัดเจน โดยชี้ว่า คุณค่าของชีวิตในทางสถิติอยู่ที่ 11.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ เช่น กรมการขนส่ง ที่ใช้ตัวเลขนี้ในการวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบระหว่างการแลกเปลี่ยนให้คนทำงานต้องว่างงานกับการผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
รายงานยังระบุว่า หากยกเลิกมาตรการปิดเมืองในช่วงวันอีสเตอร์ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ คาดไว้ในตอนแรก จะทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 172,000 คน มากกว่าตอนนี้ 4 เท่า ที่มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 40,000 คน
การวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า จะมี 418,000 คนในสหรัฐฯ เสียชีวิตในอีก 18 เดือนข้างหน้า หรือมากกว่านั้น หากข้อจำกัดทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ถูกยกเลิกภายในวันที่ 1 ก.ค. นี้ โดยทีมบริหารของทรัมป์เชื่อว่า จะมีผู้เสียชีวิตราว 60,000 คนจนถึงต้นเดือน ส.ค.นี้
เฟดในระดับภูมิภาคไม่ได้คาดการณ์ว่า จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกกี่คน ส่วนผู้ว่าการรัฐหลายแห่งต่างกำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการลงในระหว่างนี้ อย่างไรก็ตามทีมนักวิจัยสรุปว่า กฎที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ ลดอัตราการตายได้