นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ภายหลังการเปิดเศรษฐกิจในเดือน พ.ค.-มิ.ย.
เขา ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้วงเงินนับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ล่าสุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในร่างกฎหมายมาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) วงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้การอนุมัติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ขณะที่ ภาคธุรกิจที่เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง จะส่งผลให้ภาวะอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นตามมาด้วย
เขา มองว่า การเปิดเศรษฐกิจจะต้องดำเนินการอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการเพิ่มมาตรการตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ด้าน เควิน แฮสเซทท์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐฯ สั่งปิดเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีแนวโน้มจะทำให้อัตราว่างงานเดือน เม.ย. พุ่งแตะระดับ 16% หรือมากกว่านั้น โดยคาดว่าอัตราว่างงานอาจพุ่งขึ้นถึง 2 เท่าจากในช่วงที่เกิดเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1930
เขา คาดว่า ตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 อาจร่วงลงอย่างหนัก ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก รวมถึงมีชาวอเมริกันมากถึง 26.5 ล้านคน ที่ขึ้นทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการผู้ว่างงานนับแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค. ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์