สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ขณะนี้มีประชากรทั่วโลกเกือบ 3 ล้านคนแล้วที่ติดเชื้อโควิด-19 และ 205,948 คน เสียชีวิต แต่หลายประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ลงมาแล้ว หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และมีความกังวลกับความเสียหายทางเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมากิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่การชอปปิง การผลิต การท่องเที่ยว ล้วนหยุดชะงัก ขณะนี้หลายประเทศประเมินว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศต่างๆ จะเริ่มผ่อนคลายล็อคดาวน์ แต่ นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ที่เพิ่งกลับมาทำงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่พักฟื้นจากการติดโควิด-19 เตือนว่า ยังอันตรายเกินไปที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์หรือการปิดเมือง แม้จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอังกฤษ เนื่องจากความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดระลอกสองตามมา
จอห์นสัน เปรียบเทียบโควิด-19 ว่า เป็นเหมือนอาชญากรบนท้องถนนที่มองไม่เห็น ที่ชาวอังกฤษจะต้องต่อสู้บนพื้น โดยเขาขอให้ทุกคนอดทน เพราะเชื่อว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดของการระบาดรอบแรกแล้ว
ทั้งนี้ ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้น หลายๆ บริษัทดำเนินการอะไรไม่ได้ ขณะที่เศรษฐกิจถดถอยก็กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจอห์นสัน กล่าวว่า เขาเข้าใจความกังวลของภาคธุรกิจ และจะปรึกษากับฝ่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการปลดล็อคดาวน์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อังกฤษถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุด โดยเสียชีวิตในโรงพยาบาลไปแล้ว 21,092 คน และอีกหลายพันคนก็อยู่ในศูนย์ดูแล ดังนั้นเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ความเสี่ยงยังอยู่ในระดับสูงสุดอยู่
จอห์นสัน กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจถึง 50,000 ปอนด์ (62,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเป็นเงินฉุกเฉินให้กับธุรกิจขนาดเล็ก โดยจะไม่ต้องจ่ายคืนหรือจ่ายดอกเบี้ยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า