โดย…กรวิภา วรรณแสวง
กองทุนบัวหลวง
เงินออมของที่เก็บออมไว้เพื่อใช้ส่วนตัว หรือการออมเพื่อวางแผนการเกษียณ ไว้ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือไม่ว่าในรูปแบบการออมใดก็ตาม ไม่ได้สำคัญแค่ชีวิตส่วนตัวของทุกท่านเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศด้วย ตัวอย่างเช่น การออมในบัญชีเงินฝากธนาคาร ทางธนาคารที่รับฝากเงินจะนำเงินของเราไปปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อนำไปขยายธุรกิจ เพื่อผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโต การขยายธุรกิจ ยังช่วยสร้างรายได้แก่เจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น จากธุรกิจก่อสร้างสู่ธุรกิจเครื่องมืออุปกรณ์ ผู้ผลิตเหล่านั้นจะสามารถขยายธุรกิจตัวเองต่อไปได้อีก และธุรกิจที่ขยายใหญ่ขึ้น ช่วยสร้างงานมากขึ้น รายได้ของลูกจ้างจะไหลไปสู่กิจการในชุมชนผ่านการจับจ่ายใช้สอย รายได้ของลูกจ้างยังไหลเข้าสู่ธนาคารจากการออมของลูกจ้างแต่ละราย ธนาคารก็จะใช้เงินจำนวนนี้เพื่อไปปล่อยกู้ต่อ ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินออมจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราผ่านพ้นวิกฤติการเงินในชีวิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นเพื่อเตรียมตัวหากเกิดกรณีฉุกเฉินต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน จึงควรมีเงินสำรองไว้อย่างน้อย 6 เท่าของรายได้ประจำต่อเดือน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ในกรณีที่คุณเป็นเสาหลักของครอบครัว หรือมีความเสี่ยงด้านความมั่งคงทางรายได้ อาจต้องเตรียมเงินสำรองสูงมากกว่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี เคยลองจินตนาการถึงการใช้ชีวิตในช่วงวัยเกษียณหรือไม่ อาจจะดูไกลตัวสำหรับผู้ที่เพิ่งจบการศึกษา หรือเพิ่งก้าวเข้าสู่วัยทำงาน แต่หากเราเริ่มมองไปข้างหน้า จะเห็นว่า ปัจจุบันที่เราทำงานหารายได้และเก็บออมเงินอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นเพื่อการออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณนั่นเอง อีกทั้งในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนา ช่วยให้คนในยุคปัจจุบันอายุยืนยาวขึ้น ยิ่งต้องมีเงินออมในจำนวนที่วางแผนแล้วว่า เพียงพอต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ ไปอีก 15-20 ปี
การออมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญทำให้ชีวิตบรรลุผลตามเป้าหมายที่คาดหวัง เราควรวางแผนการใช้จ่ายและการเก็บออม โดยเริ่มจากการพิจารณารายได้ต่อเดือนและประมาณการรายจ่ายต่อเดือน เพื่อเตรียมการจัดทำแผนออมเงินไว้ ซึ่งส่วนใหญ่รายจ่ายของบุคคลทั่วไป มักหนีไม่พ้น ค่าผ่อนที่อยู่อาศัย ค่าผ่อนรถ สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีเงินออม เป็นเพราะมองว่า รายจ่ายในแต่ละเดือนที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในทุกเดือน ซึ่งความจริงแล้ว ควรพิจารณาว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งจำเป็นหรือสิ่งที่ต้องการ โดยความหมายของสิ่งที่จำเป็น คือ สิ่งที่หากเราไม่มีแล้วจะส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ ขณะที่สิ่งที่ต้องการนั้น มีไว้เพื่อความสะดวกสบาย หากไม่มีก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ดังนั้น หากเราลดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นลงได้ เราจะเหลือเงินเพื่อเก็บออมมากขึ้น
แต่ถ้าเก็บเงินที่ออมไว้เฉยๆ ที่บ้าน ไม่ได้นำเงินออมนั้นไปฝากกับสถาบันการเงิน เพื่อแสวงหาผลตอบแทน เงินที่เก็บนั้นจะได้รับความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อทำให้มูลค่าของเงินลดลง ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้นการออมเงินของคุณก็จะกลายเป็นการขาดทุน ดังนั้น ควรเริ่มวางแผนการออมและการลงทุน เพื่อประโยชน์ต่อท่านและส่วนรวมของระบบเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย