เดอะ จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า ฟิทช์ โซลูชัน ออกรายงานว่า อุตสาหกรรมยานยนต์อินโดนีเซียยังคงดึงดูดใจนักลงทุนอยู่สำหรับภูมิภาคเอเชียนี้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ด้วยต้นทุนค่าแรงที่ต่ำ และการเจริญเติบโตของการผลิตที่ดี โดยพบว่า ค่าแรงเฉลี่ยอยู่ที่ 83.9 จากค่ากลางที่เป็นไปได้คือ 100

ขณะที่ คะแนนด้านการผลิตของอินโดนีเซียนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 58.4 จาก 54.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้เป็นประเทศที่ดึงดูดใจผู้ผลิตยานยนต์มากที่สุดอันดับ 8 ในภูมิภาคเอเชีย และอันดับ 23 ในโลก

“ประเทศอินโดนีเซียยังคงติดอันดับ 1 ใน 10 ของจุดหมายที่ดึงดูดใจผู้ผลิตยานยนต์มากที่สุด ทั้งช่วงเริ่มต้นหรือการรักษาการดำเนินการผลิตในภูมิภาคเอเชีย และอันดับ 23 ของโลก” ฟิทช์ โซลูชัน เผย

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์อินโดนีเซีย เผยข้อมูลล่าสุดว่า ยอดขายรถยนต์ในอินโดนีเซีย ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยร่วงลงไปถึง 90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 7,870 คัน ในเดือน เม.ย. นับเป็นการลดลงที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลวิจัยของฟิทช์ โซลูชัน สะท้อนว่า อินโดนีเซียยังคงดึงดูดใจและมีโอกาสการเติบโตสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ทั้งรายใหม่และรายเดิมที่มีอยู่ โดยดัชนีการผลิตรถยนต์ อยู่ที่ 73.2 จากเต็ม 100 ตามการคาดการณ์ค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปี ซึ่งคะแนนนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเอเชียโดยรวม ซึ่งอยู่ที่ 50.5

Kukuh Kumara เลขาธิการ Gaikindo ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์อินโดนีเซีย ระบุว่า อินโดนีเซียน่าดึงดูดใจลงทุน เพราะมีคนทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 1.5 ล้านคนในประเทศที่มีคุณสมบัติด้านทักษะแรงงานตรงความต้องการ ขณะที่การผลิตก็มีต้นทุนต่ำ

“เรายังคงดึงดูดใจและโดยเฉพาะถ้าพูดถึงในอาเซียนด้วยกัน” Kukuh กล่าว

สำหรับค่าแรงขั้นต่ำของคนทำงานด้านยานยนต์ในกรุงจาการ์ตา เพิ่มขึ้น 9.6% จากปี 2019 เป็น 5.4 ล้านรูเปียห์ หรือ 367.10 ดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำโดยเฉลี่ยในกรุงจาการ์ตา ซึ่งอยู่ที่ 4.3 ล้านรูเปียห์

ทั้งนี้ จากการที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องปิดโรงงานชั่วคราวและพักการทำงาน ทำให้ Gaikindo ปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศลง 40% มาอยู่ที่ 600,000 คันในปีนี้ นอกจากนี้ยังปรับลดเป้าหมายการส่งออกมากกว่าครึ่งหนึ่งมาอยู่ที่ 175,000 คัน จากเดิมคาดไว้ระหว่าง 350,000 – 400,000 คัน