ซีเอ็นบีซี รายงานว่า แอปเปิ้ลเปิดเผยผลการศึกษาข้อมูลออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า แอปสโตร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอปพลิเคชันในระบบปฏิบัติการ iOS มียอดการใช้จ่ายประมาณ 519,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2019 โดยบริษัท อะนาลิส กรุ๊ป เป็นผู้ศึกษาเรื่องนี้ครอบคลุมธุรกรรมทั้งหมดที่ทำผ่านแอปเปิ้ล เช่น การจ่ายเงินซื้อแอป และการซื้อที่เกิดขึ้นในแอป การซื้อและกิจกรรมเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ทำผ่านแอปในไอโฟนและไอแพด ที่แอปเปิ้ลไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น การขายโฆษณาในแอป โดยยอดใช้จ่ายที่ประเมิน รวมแอปค้าปลีกออนไลน์ เช่น ทาร์เก็ต และเบสท์ บาย การจองเดินทางผ่าน เอ็กซ์พีเดีย และยูไนเต็ด บริการขับขี่ผ่าน ลิฟท์ และอูเบอร์ แต่ไม่รวมรายได้จากแอปของแอปเปิ้ล เช่น แอปเปิ้ล มิวสิค
การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงสัปดาห์หลังจากแอปเปิ้ลจัดประชุมนักพัฒนาประจำปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเผยโฉมล่าสุดของระบบปฏิบัติการและชักชวนผู้ผลิตซอฟต์แวร์ให้มาใช้งานฟีเจอร์ใหม่ สนับสนุนแพลตฟอร์มของแอปเปิ้ลอย่างต่อเนื่อง โดยวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการประกาศยอดใช้จ่ายผ่านแอปเพื่อให้เห็นภาพการทำเงินผ่านแอปในไอโฟนและไอแพด โดยยอดใช้จ่าย 519,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เกิดขึ้นผ่านแอปในไอโฟนและไอแพดปีที่ผ่านมานั้น มาจากการซื้อสินค้าและบริการที่จับต้องได้ 413,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การใช้จ่ายผ่านแอปค้าปลีก 268,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แอปเดินทางท่องเที่ยว 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แอปบริการขับขี่ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แอปส่งอาหาร 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าและบริการดิจิทัล 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการโฆษณาในแอป 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แอปเปิ้ลจะตัดยอด 15-30% จากการซื้อซอฟต์แวร์หรือบริการดิจิทัลผ่านแอปบนแอปสโตร์ และประกาศยอดใช้จ่ายให้ผู้พัฒนาทราบ ซึ่งจะทำให้นักวิเคราะห์ประมาณการรายได้จากแอปสโตร์ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัทระบุว่า 84% ของแอปพลิเคชันบนแอปสโตร์ ไม่ได้แบ่งรายได้กับแอปเปิ้ล เช่น บริการสตรีมมิ่ง ฮูลู ที่ผู้ใช้งานลงทะเบียนและจ่ายเงินผ่านเบราเซอร์แล้วดูผ่านไอโฟนแอป รวมถึงเกมส์ที่อาจให้ดาวน์โหลดฟรี แล้วทำเงินผ่านโฆษณาในแอป
“ในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ แอปสโตร์ช่วยให้โอกาสเจ้าของธุรกิจ รวมถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การศึกษา และการสร้างงาน ช่วยให้ผู้คนปรับตัวได้รวดเร็วรับการเปลี่ยนแปลงของโลก” ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอปเปิ้ล กล่าว