รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ยอดค้าปลีกญี่ปุ่นร่วงลงในอัตราเลขสองหลักในเดือน พ.ค. นับเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส หรือ โควิด-19 และมาตรการล็อคดาวน์ที่ส่งผลอย่างมากต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมไปถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ความต้องการที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น จนอาจทำให้ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกยังคงติดอยู่ในภาวะถดถอยนานกว่าที่คาดการณ์ไว้และการฟื้นตัวจะซบเซามากขึ้น
ข้อมูลกระทรวงการค้าของญี่ปุ่น ระบุว่า ยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. ลดลง 12.3% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผลกระทบหลักมาจากยอดใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมากในการใช้จ่ายสินค้าราคาแพง เช่น รถยนต์ เสื้อผ้า และสินค้าทั่วไป
ขณะที่ ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ยอดค้าปลีกได้ปรับลดลงถึง 13.9% ซึ่งเป็นการปรับลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 1998 และแย่กว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในการสำรวจของรอยเตอร์สที่ประมาณการไว้ว่าจะลดลง 11.6%
ผู้กำหนดนโยบายหวังว่า การฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจจะช่วยสนับสนุนการเติบโต ในขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ทั่วโลกจะชะลอการฟื้นตัว