โดย…ทนง ขันทอง
ในปี 2010 บริษัท เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ของอีลอน มัสก์ ระดมทุน 226 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการทำไอพีโอด้วยราคา 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
มาวันนี้ หรือ 10 ปี ให้หลัง ราคาหุ้นของเทสล่าพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทไปอยู่ระดับ 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทสลากลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ด้วยพนักงาน 48,000 คน ตามหลังค่ายโตโยต้าเท่านั้น
นักลงทุนที่ซื้อหุ้นไอพีโอของเทสล่าและถือยาวจะได้กำไรมากกว่า 4,000%
มัสก์ กลายเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของซิลิคอน วัลเลย์ และเป็นขวัญใจคนใหม่ของนักลงทุนในตลาดหุ้น ไม่แพ้ เจฟ เบซอส แห่งอเมซอน หรือมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก แห่งเฟซบุ๊ก หรือวอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่ง Birkshire Hathaway
ที่ผ่านมา เขาต้องเผชิญอุปสรรคมากมายในการผลักดันให้เทสลาให้เป็นที่ยอมรับของทั้งลูกค้า และนักลงทุนที่มีความเคลือบแคลงใจกับธุรกิจของเทสลาที่ไม่มีกำไร และต้องใช้เงินมหาศาลในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำยุค
อย่างไรก็ดี การปรากฎตัวของรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาเป็นการส่งสัญญานจุดเริ่มต้นของจุดจบของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้ฟอสซิล
เมื่อหลายปีที่ผ่านมาหุ้นเทสลากลายเป็นเป้าใหญ่ที่สุดของการถูกทำชอร์ตเซลล์ของเหล่าบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เคลือบแคลงในงบดุลของเทสลาว่าจะไปไม่รอด เพราะว่าต้องใช้เงินมากเหมือนกับการเผาเงินเล่น ในขณะที่ต้องคอยอุดรูรั่วจุดอ่อนของรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตออกมา และรายได้ไม่เข้าเป้า
แต่มัสก์เป็นคนอัจฉริยะ และมั่นใจในตัวเองสูง เขารู้ว่าเขากำลังทำอะไร และจะพาเทสลาไปถึงเป้าหมายอะไร จึงไม่สะทกสะท้านกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาในวอลล์สตรีทที่มีหลายคนต้องการเห็นเขาประสบกับความหายนะทางธุรกิจ
มัสก์ รู้สึกรำคาญใจกับพวกที่ทำชอร์ตเซลล์หุ้นเทสลามาก และต้องการดัดหลังพวกนี้ให้เข็ดหลาบ ในช่วงเดือน ส.ค. ปี 2018 หลังหุ้นเทสลาร่วงไป 30% ไปอยู่ระดับต่ำกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น มัสก์เขียนทวิตเตอร์ว่า เขาได้รับเงินสนับสนุนมากเพียงพอที่จะซื้อหุ้นเทสลาคืน เพื่อเอาบริษัทออกจากตลาดหุ้น
ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นทำให้คนทำชอร์ตเซลล์ที่ขายหุ้นเทสลาล่วงหน้าออกไปต้องเจ็บตัวกันไปมาก แต่ต่อมาปรากฎว่าข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงเพียงพอ เพราะว่าเป็นเพียงการพูดคุยเฉยๆ ระหว่างมัสก์กับนักลงทุนจากตะวันออกกลาง ทางก.ล.ต.ของสหรัฐฯ สั่งกล่าวโทษมัสก์และบริษัทเทสลา แต่ในท้ายที่สุดทั้งมัสก์และเทสลายอมจ่ายค่าปรับรวมกัน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะยุติคดี
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของเทสลาคือ Roadster มีราคาขายที่ 109,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตอนนี้ไม่ผลิตรุ่นนี้อีกแล้ว แต่มี 4 รุ่นใหม่ ออกวางขายในท้องตลาดรถยนต์ไฮเอนด์
ที่สำคัญคือเทคโนโลยีแบตเตอร์รี่ที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์เทสลา Model S ที่เป็นตัวท็อปสามารถวิ่งได้ไกล 400 ไมล์ติดต่อกันโดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอร์รี่ ไม่มีรถยนต์ของคู่แข่งรายใดสามารถเทียบเคียงได้ ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีที่ล้ำยุคทำให้ผู้ที่ซื้อรถยนต์เทสลารู้สึกตื่นเต้น และภูมิใจในการครอบครอง
ในปี 2016 เทสลาเปิดตัวModel 3 โดยตั้งใจที่จะขายด้วยราคา 35,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคันในตลาดแมส ปรากฎว่ามีคนเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อที่จะยลโฉมรถรุ่นใหม่นี้ เหมือนกับที่คนเข้าแถวยาวเพื่อจองโทรศัพท์ไอโฟน แต่ไปๆ มาๆ Model 3 มีราคาขายเฉลี่ยที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน และมียอดขายไม่แพ้รถยนต์ของคู่แข่งในระดับเดียวกัน
หุ้นของเทสลาเริ่มทำแรลลี่ตั้งแต่ต้นปี 2020 โดยโรงงานของเทสลาที่เซี่ยงไฮ้เริ่มทำการผลิต และรถรุ่น Model Y ที่โรงงานที่ฟรีมองท์ รัฐแคลิฟอร์เนียเริ่มออกจากสายพาน นักลงทุนรู้สึกตื่นเต้นกับรถบรรทุกไฟฟ้า Cybertruck และเทคโนโลยีไร้คนขับของเทสลาโดยรวม ทำให้หุ้นเทสลาพุ่งสูงขึ้นกว่า 140% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เทสลายังไม่เคยรายงานงบดุลการทำกำไรทั้งปีตั้งแต่การทำไอพีโอเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีการรายงานว่ามีรายได้สุทธิสูงกว่าศูนย์เหรียญ 7 ไตรมาสเท่านั้น แต่ในระยะ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มรายงานการทำกำไรได้ติดต่อกัน และจะรายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ในเดือนหน้า
เทสลา ซึ่งขณะนี้กำลังเทรดในตลาดหุ้นแนสแด็ค กำลังคอยที่จะได้เข้าไปยู่ในตลาด S&P 500 ซึ่งมีกฎข้อบังคับว่าจะต้องทำกำไรได้ 4 ไตรมาสติดต่อกัน ถ้าหากว่าเทสลาเข้าไปอยู่ในตลาด S&P 500 แล้ว มัสก์จะกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในบริษัทเอกชนอเมริกาในยุคนี้อย่างไม่ต้องสงสัย