โดย…ทนง ขันทอง
ถ้าเราอยากจะรู้ว่าอิลิทโลกคิดอย่างไรเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ทิศทางของดอกเบี้ย ตลาดการเงินและการลงทุน ให้รับฟัง หรืออ่านสิ่งที่ Mohamed El-Erian พูดหรือเขียน
James Rikards อดีตที่ปรึกษาการเงินของซีไอเอ เคยกล่าวเอาไว้ว่า เขาจะไม่พลาดที่จะอ่านบทความ หรือฟังบทสัมภาษณ์ของ El-Erian เพราะว่า El-Erian เป็นกระบอกเสียง หรือตัวแทนของอิลิทโลกที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อนโยบาย หรือความเป็นไปของเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก
El-Erian เกิดในปี 1958 และเป็นคนอเมริกันเชื้อสายอียิปต์ ในปัจจุบัน เขาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกลุ่ม Allianz ที่เป็นบริษัทแม่ของ PIMCO ที่เขาเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายการลงทุนระหว่างปี 2007 – 2014
PIMCO เป็นบริษัทบริหารการลงทุนที่เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดบอนด์เป็นพิเศษ El-Erian เคยเป็นประธานของ Global Development Council ระหว่างปี 2012-2017 ในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
นอกจากนี้ El-Erian ยังได้รับเลือกตั้งให้เป็นอธิการบดีของควีนส์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเป็นคอลัมนิสท์ประจำให้กับสื่อบลูมเบิร์ก และเดอะ ไฟแนนเชียล ไทมส์
Foreign Policy ได้ยกย่อง El-Erian ว่า เป็น 1 ใน 100 คน ที่มีอิทธิพลทางความคิดมากที่สุดในโลก (Top 100 Global Thinkers) สื่อต่างๆ ต้องการสัมภาษณ์ El-Erian เพื่อให้เขาให้แนวคิด หรือวิเคราะห์ปัจจัย และสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน และการลงทุน
ล่าสุด El-Erian เขียนบทความ “Investors must prepare portfolios for Covid-19 debt crunch” ลงในหนังสือพิมพ์ เดอะ ไฟแนนเชียล ไทมส์ โดยส่งสัญญานเตือนนักลงทุนว่าให้เตรียมความพร้อมในการบริหารพอร์ตการลงทุนที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะหนี้ที่เกิดจากโควิด-19
เขา เขียนว่า การระบาดของโควิด-19 ยังไม่สิ้นสุดลง และนักลงทุนจำต้องระมัดระวังกับการผิดนัดชำระหนี้จากทั้งบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในตลาด และประเทศที่มีฐานะการเงินที่อ่อนแอที่ได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์
ที่ผ่านมา การชัตดาวน์ทำให้ตลาดปรับตัวลง แต่การปั๊มเงินเข้าสู่ระบบโดยธนาคารกลาง และการใช้เงินจากนโยบายการคลังของรัฐบาลต่างๆ ทำให้ตลาดมีการฟื้นตัวค่อนข้างแรง ทำให้ดูเหมือนว่าตลาดการเงิน และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะถูกตัดขาดออกจากกัน
El-Erian บอกว่า แนวโน้มนี้ยังคงมีเวลาดำเนินต่อไป แต่แทนที่จะซื้อทรัพย์สินที่มีมูลค่าตัดขาดจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทและเศรษฐกิจ นักลงทุนควรที่จะใช้ความคิดให้มากขึ้นกับมูลค่าการกู้คืน (recovery value) ของทรัพย์สินของตัวเอง และปรับพอร์ตให้เป็นไปตามนั้น
ที่ผ่านมา แม้จะมีสัญญานว่าบริษัท และประเทศต่างๆ มีงบดุล หรือฐานะการเงินที่ตึงตัวเพิ่มขึ้น แต่การหยุดการชำระหนี้เกิดขึ้นเฉพาะในบางกลุ่มอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบที่รุนแรง ทำให้มีการมองว่าความเลวร้ายกว่านี้จะไม่เกิดขึ้น และนักลงทุนเกือบทุกระดับนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนรีเทลที่แห่เข้ามาในตลาดหุ้น ทำให้มีการดันราคาหุ้นให้สูงเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ
แต่การระบาดของไวรัสยังไม่จบสิ้น ทำให้หลายประเทศ รวมทั้งหลายรัฐในสหรัฐอเมริกาเลื่อนการเปิดระบบเศรษฐกิจ ภาวะแบบนี้ทำให้ผู้กู้ยืมเงินอาจจะเลื่อนการชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคค้าปลีก และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีสัญญานที่น่าเป็นกังวลใจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการล้มละลายของธุรกิจต่างๆ การถูกให้เลิกจ้างงานจากบริษัทที่มีขนาดเล็กก่อน ไปสู่บริษัทที่ใหญ่กว่า การเลื่อนการจ่ายหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ผู้เช่าบ้านหรือผู้ชื้อบ้านเลื่อนการจ่ายค่าเช่า หรือการจ่ายค่างวด ผู้บริโภคมีการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต และมีประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศต้องผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศ
El-Erian เขียนต่อไปว่า ความท้าทายในการลงทุนในอีกหลายเดือนข้างหน้าจะปรับเปลี่ยนจากการลงทุนที่เอาประโยชน์จากสภาพคล่องที่มากมายเป็นพิเศษ ที่ช่วยดันราคาทรัพย์สินต่างๆ เกือบทุกประเภทให้สูงขึ้น ไปเป็นการฟันฝ่ากระแสการปรับตัวลงของราคาโดยทั่วไป และการผิดนัดชำระหนี้เฉพาะรายที่มีความสลับซับซ้อน จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจที่ผู้จัดการกองทุนหลายแห่งได้ระดมเงินทุนโดยหวังว่า จะใช้ยุทธศาสตร์การลงทุนใน 2 ด้าน คือประการแรก จะคอยซื้อของถูก หรือบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่เข้มแข็งหลังจากที่ราคามีการปรับตัวลง และประการที่สอง จะลงทุนในการปรับโครงสร้างทางการเงิน หรือการปรับโครงสร้างหนี้ของทั้งบริษัทและประเทศต่างๆ ที่มีโอกาสฟื้นตัวทีหลัง
El-Erian สรุปว่า ในตอนนี้ สภาพคล่องที่ล้นในตลาดทำให้เกิดภาพลวงของความน่าดึงดูดในการลงทุน และทำให้มีการลงทุนที่เสี่ยงเกินตัว ในครั้งนี้ นักลงทุนประเภทบุคคล หรือรีเทลออกไปอยู่แนวหน้า แต่เราควรที่จะคิดถึงระยะเวลาข้างหน้า ซึ่งจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องครุ่นคิดอย่างระมัดระวังมากกว่าระยะหลายเดือนที่ผ่านมา