“โรบินฮูด” เอาเงินคนรวยให้คนจน หรือเอาเงินคนจนให้คนรวย

“โรบินฮูด” เอาเงินคนรวยให้คนจน หรือเอาเงินคนจนให้คนรวย

โดย…ทนง ขันทอง

ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนอเมริกันวัยหนุ่มหลายล้านคน เปิดบัญชีและเทรดหุ้นผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท Robinhood (โรบินฮูด) ที่สร้างแรงจูงใจให้เข้ามาซื้อขายหุ้นระยะสั้นในลักษณะเดย์เทรด โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น และไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี

ความสะดวกและง่ายในการเล่นหุ้นระยะสั้นกลายเป็นปรากฎการณ์ทางวัฒนธรรมของทุนนิยมการเงินที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่รัสเซีย จีน หรืออินเดีย ที่มีคนวัยหนุ่มเปิดบัญชีเข้ามาเล่นหุ้นเพื่อหวังรวยเร็ว โดยไม่คิดถึงความเสี่ยง

โรบินฮูด เป็นบริษัทสตาร์ทอัพทางเทคโนโลยีที่ก่อตั้งในปี 2013 และตอนนี้กลายเป็นตำนานของซิลิคอนวัลเลย์ เนื่องจากความสำเร็จในการดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการ จนบริษัทมีการเติบโตและมีมูลค่าอยู่ที่ 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยิ่งในช่วงที่มีการชัตดาวน์จากวิกฤติโควิด-19 โรบินฮูดกลายเป็นที่กล่าวขวัญกันมาก เพราะว่ามีลูกค้ารายใหม่เข้ามาเปิดบัญชีเทรดหุ้นเป็นจำนวนมากในขณะที่ตลาดมีความผันผวนหนัก เนื่องจากการล็อคดาวน์ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนอย่างสะดวก จึงหันมาเล่นหุ้นแก้เซ็ง เล่นไปเล่นมาสนุก เหมือนติดเกมมือถือ

สภาพคล่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใส่เข้าสู่ระบบการเงิน ช่วยให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างแรงจากวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้ตลาดตกต่ำในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักเล่นหุ้นระยะสั้นรายวันจึงทำกำไรกันมาก เพราะว่าตลาดดีดตัวขึ้นขาเดียว ทำให้เกิดความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะตลาดได้ แต่การเล่นหุ้นในช่วงสั้นในลักษณะนี้มีความเสี่ยงสูง และมีโอกาสที่นักลงทุนจะหมดตัวได้ง่ายๆ ในเพียงชั่วพริบตาเดียว

มีรายงานว่ามีคนฆ่าตัวตายจากการขาดทุนในการเล่นหุ้นระยะสั้น หรือเทรดออปชั่นที่ตัวเองไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ และมีนักเล่นหุ้นจำนวนมากขาดทุนแบบล้มละลาย

The New York Times ตีพิมพ์รายงาน “Robinhood Has Lured Young Traders, Sometimes With Devastating Results” เมื่อไม่นานมานี้ ว่า โรบินฮูดก่อตั้งโดย Vladimir Tenev และ Baiju Bhatt ท้ังคู่เป็นลูกของชาวต่างชาติที่อพยพเข้าอาศัยในอเมริกา โดย Tenev มีเชื้อสายบัลกาเรีย ส่วน Bhatt มีเชื้อสายอินเดีย ท้ัง 2 คนพบกันที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดที่แคลิฟอร์เนีย และมีความตั้งใจที่จะร่วมมือกันสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยกันหลายอย่าง จนในที่สุด เมื่อมีกลุ่มชุมนุมประท้วง Occupy Wall Street ที่ต่อต้านวอลล์สตรีทและคนรวย 1% Tenev และ Bhatt จึงเกิดความคิดที่จะทำเรื่องเงินทองให้สามารถเข้าถึงคนทุกคนได้

ในปี 2013 ทั้งคู่ก่อตั้่งบริษัทโรบินฮูดขึ้นมา ตามตำนานหรือนิทานพื้นบ้านของอังกฤษที่โรบินฮูดตัวเอกของเรื่องขโมยทรัพย์สินของคนรวยมาแจกคนจน

โรบินฮูดสร้างแพลตฟอร์มของการเทรดหุ้น โดยยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียม ในขณะที่โบรกเกอร์ส่วนมากชาร์จค่าธรรมเนียม 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อการเทรด 1 ครั้ง นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทำให้การลงทุนหุ้นเหมือนกับการเล่นเกม สมาชิกใหม่ของโรบินฮูดจะได้รับหุ้นฟรีจำนวนหนึ่งให้ประเดิมเล่นหลังจากที่ลบภาพหน้าจอเหมือนกับขูดบัตรลอตเตอร์รีเพื่อดูรางวัล

แอปของโรบินฮูดง่ายที่จะใช้มาก จอภาพจะแสดงหุ้นเด่นประจำวัน เมื่อลูกค้าแตะที่หุ้นตัวหนึ่ง ปุ่มสีเขียวจะปรากฎขึ้นพร้อมกับคำว่า “trade” คือซื้อได้เลย โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนอื่นๆ ให้ยุ่งยาก

เมื่อแรกเริ่ม โรบินฮูดให้บริการการเทรดหุ้นอย่างเดียว หลังจากนั้นมีการเพิ่มการเทรดออปชั่น รวมทั้งการกู้ยืมเงินมาร์จิ้นมาเล่นหุ้น ทำให้นักลงทุนสามารถเพิ่มกำไรอย่างทวีคูณเมื่อหุ้นขึ้น แต่ยามหุ้นตกก็จะขาดทุนบักโกรก ยิ่งเล่นหุ้นระยะสั้นมากเท่าใด หรือยิ่งเทรดหุ้นถี่มากเท่าใด โอกาสที่จะขาดทุนก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ผู้เล่นหุ้นใหม่ๆ จะไม่กลัวกัน

อีกวิธีการหนึ่งในการหาเงินของโรบินฮูด คือ การให้แรงจูงใจให้นักเล่นหุ้นเทรดหุ้นให้มากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ชาร์จค่าธรรมเนียมในการเทรดหุ้น แต่โรบินฮูดทำรายได้มากขึ้นเมื่อลูกค้ามีการเทรดหุ้นมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากข้อตกลงกับโบรกเกอร์อีกต่อหนึ่ง ทุกคร้ังที่ลูกค้าเทรดหุ้น บริษัทโบรกเกอร์ของวอลล์สตรีทจะซื้อหุ้นขายหุ้นนั้นโดยจะเป็นผู้กำหนดว่าลูกค้าที่เทรดหุ้นจะได้ราคาเท่าใด โบรกเกอร์เหล่านี้จ่ายเงินให้โรบินฮูดเพื่อสิทธิ์ในการทำเช่นนี้ เพราะว่าโบรกเกอร์จะทำกำไรจากการทำอาร์บิทราจจากการซื้อหรือขายหุ้นให้จากลูกค้าของโรบินฮูดอีกต่อหนึ่ง

ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โรบินฮูดมีลูกค้า 13 ล้านบัญชี เทียบกับ 10 ล้านบัญชีตอนสิ้นปี 2019 ในขณะเดียวกันบริษัทคู่แข่งอย่าง Schwab มีลูกค้า 12.7 ล้านบัญชี และ E-Trade มีลูกค้่า 5.5 ล้านบัญชี

จากโมเดลการทำธุรกิจที่สามารถสร้างลูกค้าทั่วไป และถือว่าเป็นการปฏิวัติระบบโบรกเกอร์ ทำให้โรบินฮูดสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุนประเภทกลุ่มทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปิตอล) ได้ถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างระบบและขยายธุรกิจ ทั้ง Tenev และฺ Bhatt กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อมูลค่าทรัพย์สินของโรบินฮูดถูกประเมินว่าอยู่ที่ระดับ 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ