เศรษฐกิจจีนฟุบเร็ว เด้งเร็ว

เศรษฐกิจจีนฟุบเร็ว เด้งเร็ว

โดย…ทนง ขันทอง

จีน เป็นประเทศแรกที่เจอการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เศรษฐกิจจีนมีการหดตัวอย่างฮวบฮาบเมื่อต้นปีนี้ แต่มีการเด้งกลับ หรือฟื้นตัวเร็วที่สุดก่อนใคร

รายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของจีนมีการขยายตัว 3.2% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 นับว่าเป็นการฟื้นตัวที่รวดเร็ว เมื่อเทียบกับการหดตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่ติดลบ 6.8% เมื่อหักลบกันแล้ว เศรษฐกิจจีนติดลบ 1.6% ในครึ่งปีแรกของ 2020

เชื่อกันว่าเมืองอู่ฮั่นของจีน เริ่มมีติดเชื้อไวรัสโคโรนาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ปี 2019 แต่การระบาดมีการแพร่กระจายรุนแรงในช่วงเทศกาลตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ ที่คนจีนเริ่มออกเดินทางเพื่อไปพักผ่อน หรือกลับไปเยี่ยมครอบครัวและญาติมิตร ทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้มาตรการเด็ดขาดในการปิดเมือง เช็คการเคลื่อนไหวของประชาชนรายบุคคล ทำให้ในที่สุดสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้ ในขณะเดียวกันทีมแพทย์และทีมนักวิจัยต่างหาทางรักษาและป้องกันไวรัสโคโรนาอย่างเต็มที่ แม้ว่าจีนจะยังคงเจอผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่ม แต่เป็นอัตราที่จิ๊บจ๊อย เพราะว่าผู้ติดเชื้อส่วนมากเดินทางมาจากต่างประเทศ

The Global Times รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ของจีน คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของจีนจะขยายตัว 2-3% ในปี 2020 นี้ โดยในครึ่งปีหลังอาจจะขยายตัวสูงกว่า 5% เลยทีเดียว

ส่วนประเทศอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึงกัน เศรษฐกิจติดลบกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ จะติดลบอย่างน้อย 6% อังกฤษ ติดลบ 11% อินเดีย ติดลบ 8% เขตยูโร ติดลบ 8% ญี่ปุ่น ติดลบ 4.50% ส่วนไทย ติดลบ 8%

เมื่อมองไปที่ตลาดหุ้นจีนมีความโดดเด่นในเวลานี้ ดัชนี CSI 300 ซึ่งเกาะติดหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น มีอัตราโต 10% ในปีนี้ โดย หุ้น  A-Shares ของจีน และหุ้น H-Shares ของบริษัทจีนในตลาดฮ่องกงอยู่ในแดนบวกหมดแล้ว

ขณะที่ ข้อมูลใน BF Product Special ของกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ ไว้ว่าระดับราคาหุ้นจีน เมื่อวัดจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio)  สิ้นปี 2563 ตลาดหุ้นจีน A-Shares ปัจจุบันกลับมาซื้อขายต่ำกว่า (Discount) เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ (ดัชนี S&P 500) ที่ประมาณ -40%

หลิว อ้ายหัว (Liu Aihua) โฆษกของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน บอกว่า พอสถานการณ์ไวรัสคลี่คลายลง และรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายการปิดเศรษฐกิจ โดยอนุญาตให้กิจกรรมต่างๆ กลับมาดำเนินคืนสู่ภาวะปกติอย่างไม่ประมาท เศรษฐกิจของจีนมีการฟื้นตัวเร็ว เนื่องจากจีนมีปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพ และมีเงื่อนไขต่างๆ ที่เข้มแข็ง

หลิว อธิบายต่อไปว่า จีนมีระบบห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์ มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีตลาดภายในที่ใหญ่ จึงทำให้สามารถรับแรงกระแทกจากผลกระทบของไวรัสที่ระบาดได้

แต่เมื่อมองไปข้างหน้าแล้ว การฟื้นตัวของจีนยังคงมีความท้าทาย เพราะว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีการพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศในระดับที่สูง ในเมื่อประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกาที่ยังคงมีปัญหาพะว้าพะวงกับการป้องกันไวรัสโคโรนา ก็จะทำให้ความต้องการของสินค้าจีนลดลง หรือการทำการค้าฝืดเคือง

หลิวตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมาจากด้านอุปทาน (supply) มากกว่า ด้านอุปสงค์ (demand)

ในด้านอุปทาน ที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ดำเนินนโยบายทั้งการเงินและการคลัง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและแบ่งเบาภาระจากผลกระทบของโควิด-19 จีนได้เปรียบตรงที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากมีระบบการบริหารงานแบบรวมศูนย์ (centralization) สามารถใส่เม็ดเงินเข้าไปเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเรื่องความขัดแย้งทางหรือผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจของจีนสามารถเป็นหัวหอกในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ในด้านอุปสงค์ คงต้องสักระยะหนึ่งก่อนที่จะฟื้นตัวเต็มที่ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดขายของค้าปลีกของจีนลดลงไป 1.8% ไปอยู่ที่ 3.35 ล้านล้านหยวน หรือ 480,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ติดลบติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว

เทียน ยูน รองผู้อำนวยการของ Beijing Economic Operation Association บอกว่าเศรษฐกิจของจีนจะพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักในการฟื้นตัวในระยะข้างหน้า แม้ว่าการบริโภคมีการฟื้นตัวแต่ยังไม่โตตามที่คาด เนื่องจากยังคงไม่มีความแน่นอนในอีก 6 เดือนข้างหน้า จากเรื่องปัญหาของโควิด-19 ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วทำให้คนจีนแต่ละคนสูญเสียรายได้ไป 1,000 หยวน จะฟื้นรายได้ส่วนนี้ทันทีคงต้องใช้เวลา และไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย

แต่โดยภาพรวมแล้ว นักเศรษฐศาสตร์ของจีน เชื่อว่า เศรษฐกิจจีนจะสามารถเติบโตได้อย่างน้อย 3% ในปี 2020 นี้ ในขณะที่ประเทศทั่วโลกส่วนมากจะเจอกับอัตราเศรษฐกิจที่ติดลบ เนื่องจากจีนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานด้านห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็ง มีภาระหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับต่ำ และมีรัฐบาลที่สามารถสั่งการได้เด็ดขาด