โดย…ทนง ขันทอง
ตลาดหุ้นจีนมีความคึกคักมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าตลาดรวม หรือมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเสินเจิ้นรวมกันเพิ่มสูงขึ้นจนใกล้แตะระดับ $10 ล้านล้าน
ความจริงมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นทั้ง 2 เคยไต่ไปถึงระดับ $10 ล้านล้านมาแล้วในเดือนมิถุนายน 2015 ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุด ก่อนที่ตลาดจะมีการปรับตัวลงมาอย่างรุนแรงจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้นักลงทุนรายย่อยจีนที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดจำนวนมากเจ็บตัวกันไป
แต่สภาพแวดล้อมของตลาดหุ้นจีนในปี 2020 นี้แตกต่างจากปี 2015 เพราะว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเจริญเติบโตที่สูงกว่าเดิม สัดส่วนของเศรษฐกิจจีนต่อจีดีพีโลกสูงขึ้น ระบบซัพพลายเชนของจีนที่เข้มแข็งขึ้น การค้าของจีนในตลาดโลก รวมทั้งการบริโภคน้ำมันได้แซงหน้าสหรัฐ ตลาดผู้บริโภคจีนกลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทเทคโนโลยี หรือเอไอ ของจีนมีการพัฒนามาก ทำให้จีนจะเป็นผู้นำโลกในการก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล
ตามรายงานของบลูมเบิร์ก ดาต้าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปของตลาดเซี่ยงไฮ้และเสินเจิ้น รวมกันพุ่งไปอยู่ระดับ $9.7 ล้านล้าน ท่ามกลางการซื้อขายหุ้นที่คึกคักช่วยดันราคาหุ้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตลาดหุ้นจีนตอนนี้มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก ตามหลังสหรัฐที่มีขนาดตลาดหุ้น $35 ล้านล้าน ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นใหญ่อันดับ 3 ด้วยมาร์เก็ตแคป $5.8 ล้านล้าน
ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงใหญ่อันดับ 4 ด้วยมาร์เก็ตแคป $5.5 ล้านล้าน ที่สำคัญ บริษัทจีนแผ่นดินใหญ่มีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของหุ้นที่เทรดในตลาดหุ้นฮ่องกง
การที่ตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่มีมาร์เกตแคปที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยดึงดูดนักลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนต่างชาติที่เป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เพราะว่าตลาดหุ้นที่มีบริษัทขนาดใหญ่มีความลึกและมีสภาพคล่องสูงทำให้การเทรดเข้าออกได้สะดวก ไม่ใช่ว่าซื้อหุ้นแล้ว ปรากฎว่าเวลาขายไม่มีสภาพคล่องรองรับ
สำหรับนักลงทุนต่างชาติเข้าใจร่วมกันดีว่า ตลาดหุ้นจีนใหญ่เกินกว่าที่จะมองข้าม และได้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นจีน แม้ว่าในระยะหลังสหรัฐและจีนจะมีความขัดแย้งสูงในความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ
ตามรายงานของ The South China Morning Post อ้างอิงข้อมูลของ China Merchant Securities ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นจีนอยู่ประมาณ 2 ล้านล้านหยวน หรือ $285,800 ล้าน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2020
สำหรับสัดส่วนการถือครองหุ้นจีนของนักลงทุนต่างชาติเทียบเท่า 8.6% ของหุ้นจดทะเบียนที่กระจายให้ซื้อขายในตลาดออนชอร์ ( free-float shares)
ตั้งแต่ต้นปี 2020 มาถึงตอนนี้ พบว่า มาร์เก็ตแคปของหุ้นจีนได้เพิ่มขึ้น $1.6 ล้านล้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา การเทรดหุ้นในตลาดหุ้นจีนมีความคึกคักมากเป็นพิเศษจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของรัฐบาลจีนและข่าวคราวที่ออกมาหนาหูว่า เศรษฐกิจจีนเป็นเศรษฐกิจแรกที่มีการฟื้นตัวจากผลกระทบของโคโรนาไวรัส
โดยแรกเริ่ม สื่อของรัฐบาลจีนออกมาโหมกระพือข่าวของตลาดหุ้นจีนที่บูมว่า เป็นผลมาจากความสำเร็จของรัฐบาลจีนในการควบคุมไวรัส ต่างจากสหรัฐที่ไม่สามารถบริหารจัดการควบคุมไวรัสให้อยู่หมัดได้ แถมยังมีการระบาดรอบ 2 ที่รุนแรงขึ้นในหลายมลรัฐ
แต่ต่อมา สื่อของจีนพยายามปรามการลงทุนในตลาดหุ้นว่า ควรใช้ความระมัดระวังในเรื่องการเก็งกำไร เพราะว่า การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงเหมือนกัน ทำให้หุ้นจีนมีการปรับตัวลงมาบ้าง แต่ตัวเลขการกู้เงินเพื่อเล่นหุ้น (margin loans) ของนักลงทุนจีนเพิ่มสูงมาก โดยไปแตะที่ระดับ 1.35 ล้านล้านหยวน
มองไปข้างหน้า ตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสเติบโตต่อไป เพราะว่า จีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกและมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนเร็วที่สุด โดยจีดีพีจะขยายตัวในอัตราที่เป็นบวก (ในขณะที่ประเทศส่วนมากในโลกพบว่า มีจีดีพีติดลบจากพิษโควิด-19) โดยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดหุ้นจีนที่ได้รับอานิสงค์เท่านั้น แต่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนราคาปรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย