โดย…อรพรรณ บัวประชุม CFP®
จำเป็นไหม กับ SSF? คำตอบคือ “จำเป็น หรือไม่จำเป็น” ขึ้นอยู่กับแต่ละคน หากใครที่ไม่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ตอบได้เลยว่า “ไม่จำเป็น” ต้องลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) แต่ถ้าใครคิดว่า อยากลงทุนด้วยแล้วได้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย SSF เริ่มมีความจำเป็นแล้ว ยิ่งใครที่ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้ลงทุนไหม จะมีรายได้มากพอเสียภาษีไหม แต่ปีนี้มีเงินได้เพื่อเสียภาษีแน่ๆ ปีต่อไปไม่รู้ การเลือกลงทุนในกองทุนรวม SSF ก็จำเป็น หากต้องการลดหย่อนและลงทุน แต่จำเป็นอย่างเดียวยังไม่พอ เพราะต้องถือได้นาน 10 ปีด้วย
เลือกลงทุนในกองทุนรวม SSF แบบไหนดี? ง่ายๆ เลย หากใครที่ลงทุนในกองทุนรวม SSF แบบพิเศษไปแล้ว เท่ากับว่ามีการลงทุนในกองทุนหุ้นไทยไปแล้ว ดังนั้น ในส่วนของกองทุน SSF แบบทั่วไป กระจายการลงทุนสักหน่อยจะดีกว่า แต่ถ้าใครที่ยังไม่ได้ลงทุนในกองทุนรวม SSF แบบพิเศษ ก็สามารถเลือกลงทุนได้มากมายเลยว่าอยากได้อะไร ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น กองทุนผสม กองทุนต่างประเทศ มีหลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน
ถ้าคิดว่ารับความเสี่ยงสูงไม่ได้มาก อาจเลือกกองทุนที่มีการลงทุนแบบหลากหลายผสมผสานกัน อย่างเช่น กองทุนรวม B-INCOMESSF ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน เพราะกองทุนหลัก (B-INCOME) มีนโยบายลงทุนหลากหลาย ทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุน หน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวม ETF และสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ถึง 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เรียกได้ว่าลงทุนได้เกือบทุกอย่างเลยทีเดียว
อีกกองทุนที่น่าสนใจสำหรับเทรนด์โลกยุคใหม่ นั่นก็คือ B-FUTURESSF เป็น Feeder Fund กองทุนรวม B-FUTURE ซึ่งกองทุนรวม B-FUTURE เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคต หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือกองทุนสามารถพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง หุ้นของบริษัท Startup ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ฟังดูแล้วน่าสนใจใช่ไหมคะ สำหรับกองนี้มีนโยบายจ่ายเงินปันผลด้วย ใครที่อยากได้เงินปันผลก็เลือกกองทุนนี้ได้เลย
ถ้าใครอยากจะลงทุนในกองทุนรวม SSF แต่ไม่รู้จะเลือกลงทุนในกองทุนอะไรดี สามารถเลือกลงทุนหลายกองทุนได้นะคะ ไม่มีใครห้าม เราก็จัดสัดส่วนการลงทุนได้เลยค่ะ อาจจะเลือก B-INCOMESSF มากหน่อยเพราะกองทุนมีการผสมผสานอยู่แล้ว และอาจจะเลือก B-FUTURESSF เพิ่มอีกหน่อย เพราะเป็นการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการบริโภคในอนาคตก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ เพราะ B-INCOMESSF มีระดับความเสี่ยงระดับ 5 แต่ในขณะที่ B-FUTURESSF มีความเสี่ยงในระดับ 6
ส่วนอีก 2 กองทุนที่เปิดมาก่อนหน้าคือ BEQSSF เน้นลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และ BM70SSF มีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในกรณีกองทุนมีกำไรด้วย
กองทุนรวม SSF มีหลากหลายนโยบาย เราไม่จำเป็นต้องลงทุนเพียงกองทุนเดียว สามารถกระจายการลงทุนอย่างหลากหลายได้ ที่สำคัญ อย่าลืมคำนวณเงินได้ในปีนี้ด้วยนะคะว่ามีเท่าไหร่ เพราะสามารถลงทุนได้สูงถึง 30% ของเงินได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท ลงทุนแล้วต้องถือนาน 10 ปี ดังนั้น หากอยากทยอยลงทุน หรือจะลงทุนครั้งเดียวเลยก็สามารถทำได้ แนะนำให้คำนวณเงินได้ให้ดีก่อนลงทุน ไม่อยากให้ลงทุนเกินสิทธิ หากมีเงินลงทุนมากเกินกว่าสิทธิที่ได้ แนะนำส่วนเกินลงทุนในกองทุนรวม RMF สำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีและสามารถลงทุนต่อเนื่องระยะยาวได้ แต่ถ้าไม่ต้องการลงทุนต่อเนื่องระยะยาว การเลือกลงทุนในกองทุนเปิดทั่วไปก็สามารถทำได้