ปู่วอร์เรน บัฟเฟด และลาร์รี่ ฟิงค์ แห่ง BlackRock ได้ออกมาโจมตีแผนลดภาษีของทรัมป์ว่าไม่เป็นธรรม และเชื่อว่าไม่น่าจะออกมาเป็นกฎหมายได้
บัฟเฟดบอกว่าแผนลดภาษีของทรัมป์จะช่วยบริษัทใหญ่ และคนอเมริกันที่รวยที่สุดที่ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรอยู่แล้ว
“พวกเรามีธุรกิจหลายอย่าง และผมไม่คิดว่าบริษัทของพวกเราไม่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกเนื่องจากอัตราภาษีนิติบุคคล” บัฟเฟดกล่าว
บัฟเฟดกล่าวต่อไปว่า การยกเลิกภาษีอสังหาฯของทรัมป์จะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะว่ามันจะช่วยครอบครัวอเมริกันที่รวยที่สุดโดยไม่จำเป็น ภาษีอสังหาฯมีผลกระทบต่อครอบครัวอเมริกันเพียง0.2%ในเวลานี้
ไม่มีใครทราบว่าครอบครัวทรัมป์มีทรัพย์สินมากน้อยเพียงใด แต่จะได้ประโยชน์จากการยกเลิกภาษีอสังหาฯ ซึ่งเก็บอยู่ที่อัตรา 40% ในเวลานี้
ส่วนลาร์รี่ ฟิงค์จาก BlackRock บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกออกมาวิจารย์นโยบายลดภาษีของทรัมป์เหมือนกัน โดยเขาบอกว่าการลดภาษีจะทำให้การขาดุลของรัฐบาลสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร
สำนักงบประมาณของสภาคอนเกรซได้คาดการว่า การลดภาษีจะทำให้การขาดดุลหรือหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มเป็น 25 ล้านล้านดอลลาร์
แผนลดภาษีของทรัมป์จะลดอัตราภาษีที่เก็บกับผลกำไรของบริษัทจาก 30% เป็น 20%
ฟิงค์มีความเห็นว่าอัตราภาษีนิติบุคลลที่ระดับ 27% น่าจะเหมาะสมมากกว่า บริษัทอเมริกันส่วนมากเลี่ยงที่จะจ่ายภาษีอยู่แล้ว ด้วยการเก็บผลกำไรที่ต่างประเทศ และอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย
บริษัทแอ็ปเปิ้ล ซึ่งมีเงินสดในมือมากที่สุดในบรรดาบริษัทอเมริกันด้วยกันมีการเก็บเงินสด 246,000 ล้านดอลลาร์กับบริษัทลูกในต่างประเทศ
บริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด 6 แห่งมีการเก็บเงินสดที่ต่างประเทศรวมกัน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์