รายงานข่าวจากเดอะ จาการ์ตา โพสต์ ระบุว่า ที่ประชุมรัฐสภามาเลเซียลงมติอนุมัติให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้ถึง 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ซึ่งการปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ เนื่องจากเศรษฐกิจของมาเลเซียที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องเผชิญกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19
แผนดังกล่าวนับเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการชั่วคราว เพื่อใช้บรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีกระทบต่อภาคธุรกิจของรัฐและเอกชนท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถจัดสรรเงิน สำหรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งแผนฟื้นฟู และแผนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ ครั้งสุดท้ายที่มาเลเซียปรับขึ้นเพดานหนี้สาธารณะ คือตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ค. 2009 ในช่วงเกิดวิกฤติการเงินโลก โดยปรับขึ้น 10 % เป็น 55% ของจีดีพี
Tengku Zafrul Aziz รัฐมนตรีกระทรวงการคลังมาเลเซีย กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยาสซิน จัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่าประมาณ 295,000 ล้านริงกิต (70,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ เพื่อช่วยธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชนรับมือกับผลกระทบจากโควิด-19