ความสนใจ VPN ในสหรัฐฯ พุ่ง หลังผู้ใช้ติ๊กต็อกและวีแชทกังวลกับการเข้าถึงแอปจีน

ความสนใจ VPN ในสหรัฐฯ พุ่ง หลังผู้ใช้ติ๊กต็อกและวีแชทกังวลกับการเข้าถึงแอปจีน

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ความสนใจในซอฟต์แวร์เครือข่ายเสมือนส่วนตัว หรือที่เรียกว่า virtual private network (VPN) ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากพลเมืองตระหนักถึงกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ อาจจะปิดกั้นการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ผลิตโดยจีน เช่น ติ๊กต็อก และวีแชท เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ VPN จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานปกปิดตำแหน่งของพวกเขาบนออนไลน์ และแกล้งทำเป็นอยู่ที่ไหนสักแห่งที่พวกเขาไม่ได้อยู่จริง ซึ่งที่ผ่านมาพลเมืองจีนก็ใช้ซอฟต์แวร์นี้เพื่อเข้าถึงแอปอย่างเฟซบุ๊กและกูเกิลที่โดนปิดกั้นโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะที่พลเมืองสหรัฐฯ ก็อาจจะใช้ VPN เพื่อข้ามผ่านที่รัฐบาลปิดกั้นติ๊กต็อกและวีแชท

Daniel Markuson ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัล บริษัท NordVPN กล่าวว่า บริษัทมองเห็นว่าพลเมืองในสหรัฐฯ มีความสนใจใช้ VPN มากกว่าปกติ นับตั้งแต่มีการประกาศห้ามใช้งานติ๊กต็อกและวีแชท วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา

“เมื่อมีการคาดการณ์ว่าการห้ามใช้งานติ๊กต็อกจะเริ่มมีผลวันอาทิตย์ ผู้คนจึงเร่งมองหาการใช้งานผ่าน VPN มากขึ้น โดยเฉพาะสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียวพบว่ามีการสอบถามข้อมูลจากในสหรัฐฯ เกี่ยวกับ VPN เพิ่มขึ้นถึง 34%” Markuson ตอบผ่านอีเมล อย่างไรก็ตาม NordVPN ปฏิเสธที่จะให้ตัวเลขที่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนการสอบถามที่เข้ามา แต่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขณะนี้มีผู้ใช้งานทั่วโลกอยู่ 14 ล้านคน

ขณะที่ Harold Li รองประธาน ExpressVPN บริษัทคู่แข่ง ก็ระบุว่า เห็นความสนใจใช้งานเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยพบว่า มียอดเข้าเว็บไซต์ของบริษัทเพิ่มขึ้น 20% จากในสหรัฐฯ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศอย่างเป็นทางการว่ามีโอกาสที่จะห้ามใช้ติ๊กต็อกและวีแชทในช่วงต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

ด้านโฆษกของ Surfshark ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ VPN อีกราย กล่าวว่า บริษัทเห็นยอดการทดลองใช้งานที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อเทียบรายสัปดาห์ระหว่างช่วงสุดสัปดาห์วันที่ 12-13 ก.ย. กับวันที่ 19-20 ก.ย. พบว่า มียอดทดลองใช้งานฟรีเพิ่มขึ้น 38%