โดย…ทนง ขันทอง
Citi Private BanK รายงานว่า นักลงทุนรายใหญ่พิเศษ กับแฟมิลี่ ออฟฟิศ ที่บริหารความมั่งคั่งให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษในสหรัฐอเมริกา มองทิศทางการลงทุนอย่างระมัดระวังท่ามกลางวิกฤติไวรัสโคโรนา และเศรษฐกิจ โดยมีความคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทนต่อทรัพย์สินต่ำกว่า 5% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
ผลสำรวจของ Citi Private Bank พบว่า นักลงทุนรายใหญ่พิเศษให้ความสำคัญกับการใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เน้นการรักษาเงินต้น ติดตามโอกาสการลงทุน และเฝ้าดูความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากไวรัสโคโรนา โดยประเด็นที่น่ากังวลใจมากที่สุดคือเรื่องโควิด-19 และการค้นพบวัคซีนว่าจะเร็วหรือช้าหรือมีประสิทธิภาพเพียงใด รวมทั้งนโยบายการเงินและการคลังของธนาคารกลางและรัฐบาล
Citi Private Bank ทำการสำรวจครั้งใหญ่ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน ถึง วันที่ 20 กรกฎาคม ผ่านระบบออนไลน์ภายใต้ชื่อ Family Office Leadership Program โดยมีผู้เข้าร่วมตอบคำถาม 179 คนจาก 103 ประเทศ ที่เป็นระดับหัวหน้าที่ดูแลการบริหารความมั่งคั่ง ในจำนวนนี้ 127 คน ทำงานให้แฟมิลี่ออฟฟิศ และอีก 52 คน เป็นนักลงทุนอัลตร้าไฮเน็ทเวิร์ท
เนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้ามา (เลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน) และการลงทุนแบบโมเมนตัมในกลุ่มหุ้นบริษัทเทคโนโลยีกำลังจะอ่อนแรงลง เนื่องจากราคาหุ้นได้ขึ้นสูงมากไปแล้ว ทำให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษต้องมีวิจารณญาณในการใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะว่าสหรัฐฯ มีปัญหาอย่างอื่นเพิ่มเติม คือความขัดแย้งทางสังคม รวมทั้งความรุนแรงในอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น
เกือบครึ่งหนึ่งนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ และแฟมิลี่ออฟฟิศที่ตอบแบสอบถามคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทนต่อพอร์ตการลงทุนทั้งหมดระหว่าง 1% ถึง 5% ในปี 2021 ในขณะเดียวกัน 56% ของผู้ตอบแบบสอบถาม บอกว่าจะปรับนโยบายการลงทุนเชิงกลยุทธ์ และอีก 14% บอกว่า จะปรับการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
ที่น่าสนใจคือ 59% ของแฟมิลี่ ออฟฟิศ ตอบว่า จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในการลงทุนโดยตรง (direct investments) ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยการลงทุนโดยตรงหลังวิกฤติไวรัสจะเน้นการลงทุนในไอที (24% ของผู้ตอบ) เฮลท์แคร์ (16% ของผู้ตอบ) และอสังหาริมทรัพย์(15% ของผู้ตอบ)
นาย Stephen Campbell กรรมการผู้จัดการและประธานของ Citi Private Capital Group กล่าวว่า นักลงทุนไฮเน็ทเวิร์ทและแฟมิลี่ออฟฟิศที่บริหารความมั่งคั่งให้นักลงทุนรายใหญ่สามารถฟันผ่าวิกฤติไวรัสได้ และเห็นโอกาสการลงทุนในการลงทุนโดยตรง โดยมีการจัดสรรเงินลงทุนเอาไว้เตรียมการลงทุนเมื่อมีโอกาส
นอกจากนี้ ตลาดอยู่ในภาวะที่สภาพคล่องมีพรีเมี่ยม หมายความว่า นักลงทุนรายใหญ่เรียกร้องราคาที่สูงขึ้นสำหรับสำหรับทรัพย์สินที่ไม่มีสภาพคล่อง โดยนักลงทุนรายใหญ่พร้อมที่จะละผลตอบแทนระยะสั้น หรือระยะปานกลางเพื่อรักษาสภาพคล่องพรีเมี่ยม
ในขณะเดียวกัน ผลสำรวจของ UBS Global Wealth พบว่า นักลงทุนรายใหญ่พิเศษกำลังรอเฝ้าดูให้ตลาดมีการปรับราคาลง ก่อนที่จะกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น