สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า Wood Mackenzie หรือ Woodmac บริษัทที่ปรึกษา ออกมาคาดการณ์ว่า การที่จีนตั้งเป้าหมายว่าจะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเลยในปี 2060 คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้รวมถึงการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนด้วย
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวไว้เมื่อเดือน ก.ย. ว่า จะบรรลุเป้าหมายปลอดก๊าซคาร์บอนภายในปี 2060 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รายใหญ่ที่สุดในโลกมุ่งมั่นที่จะยุติการสนับสนุนนี้ซึ่่งมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
การที่จีนให้คำมั่นนี้ถือเป็นโครงการลดภาวะโลกร้อนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการให้คำมั่นมา กลุ่มวิจัยติดตามการดำเนินการเพื่อลดภาวะโลกร้อน กล่าว
Woodmac ระบุว่า เพื่อให้จีนไปถึงเป้าหมายนี้ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และการเพิ่มกำลังการเก็บสำรองพลังงานจะต้องเพิ่มขึ้น 11 เท่า เป็น 5,040 กิกะวัตต์ ภายในปี 2050 เมื่อเทียบกับระดับที่มีอยู่ในปี 2020 ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจะต้องลดลงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ก๊าซจะต้องสิ้นสุดในระดับเดียวกับปี 2019
“ความท้าทายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องการลงทุนหรือขนาดของการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน แต่อยู่ที่การเปลี่ยนผ่านทางสังคมที่จะต้องร่วมมือไปด้วย” Prakash Sharma หัวหน้าตลาดและการเปลี่ยนแปลงของ Woodmac กล่าว
การลดผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลงครึ่งหนึ่งนั้นจะทำให้คนทำงานในเหมืองถ่านหินตกงาน ส่งผลกระทบต่อมณฑลที่มีรายได้และการจ้างงานขึ้นอยู่กับการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจีนจะต้องหันมาติดตั้งโรงงานไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีดับจักและกักเก็บคาร์บอน (CCS) เพื่อยังคงกิจกรรมเหมืองถ่านหินไว้ในจังหวัดสำคัญ
ส่วนอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายปลอดการปล่อยคาร์บอนของจีนก็คือ ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมขาดทางเลือกที่สามารถปรับขนาดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้ต่ำลงได้ โดยปีที่ผ่านมาทั้ง 2 ภาคนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งสิ้น 5,700 ล้านตัน ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนในสหรัฐฯ และอังกฤษรวมกัน ดังนั้นอุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล หรือการตั้งราคาคาร์บอนเพื่อลดการปล่อยก๊าซ