โดย…ทนง ขันทอง
บทความ China is now the world’s largest economy. We shouldn’t be shocked (nationalinterest.org) รายงานว่า เศรษฐกิจของจีนมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐฯ แล้ว ทำให้ได้ภาพว่าทำไมรัฐบาลทรัมป์ถึงได้ดำเนินนโยบายที่ท้าทายจีนในเกือบทุกมิติในเวลานี้
กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้เผยแพร่รายงานล่าสุด “2020 World Economic Outlook” โดยใช้วิธีการวัดที่น่าเชื่อถือกว่าว่า เศรษฐกิจของจีนมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึง 1 ใน 6 ( 24.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 20.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ที่ผ่านมา วิธีการวัดขนาดเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ คือการเอาผลผลิตของสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจรวมกัน เมื่อได้จำนวนเงินแล้วก็เปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศนั้นเป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2020 สินค้าและบริการในเศรษฐกิจจีนมีมูลค่ารวมกัน 102 ล้านล้านหยวน สมมติว่า อัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันอยู่ที่ 7 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ จีนจะมีขนาดจีดีพีที่ 14.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 20.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับจีดีพีของสหรัฐอเมริกา
วิธีการคำนวนจีดีพีแบบนี้ทึกทักไปว่าเงิน 7 หยวนสามารถซื้อสินค้าในจีน เท่ากับเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ซื้อสินค้าชนิดเดียวกันในสหรัฐฯ แต่ในความจริง มันไม่เป็นเช่นนั้น
สื่อ The Economist ของอังกฤษ ได้สร้างดัชนีบิ๊กแม็ค (Big Mac Index) ขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยวัดอำนาจซื้อที่แท้จริง เพราะว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีผลทำให้อำนาจซื้อเปลี่ยนไป
ตามดัชนีของบิ๊กแม็ค เงิน 21 หยวนซื้อบิ๊กแม็คได้ 1 ชิ้นในกรุงปักกิ่ง แต่ถ้าผู้ซื้อคนจีนเปลี่ยนเงินหยวนเป็นดอลลาร์สหรัฐจะได้ 3 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสามารถซื้อบิ๊กแม็คในอเมริกาได้เพียงครึ่งชิ้นเท่านั้น
ในแง่นี้ ถ้าหากว่าคนจีนจะซื้อเบอเกอร์ มือถือ ขีปนาวุธ จะมีกำลังซื้อเกือบจะ 2 เท่าสำหรับเงินทุกๆ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
เรื่องนี้อธิบายได้ด้วยทฤษฎีภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity) ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ใช้วัดราคาของตะกร้าของสินค้าที่เปรียบเหมือนกับตะกร้าในสินค้าในห้างสรรพสินค้าเพื่อวัดดูว่า ในแต่ละประเทศมีมาตรฐานการครองชีพนั้นต้องใช้เงินเท่าใดที่จะซื้อตะกร้าสำหรับสินค้าด้วยอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลานั้น
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และหน่วยงานซีไอเอของสหรัฐฯ เชื่อว่า วิธีการวัดความเสมอภาคของอำนาจซื้อน่าที่จะให้ภาพที่แท้จริงกว่าในการวัดขนาดเศรษฐกิจ โดยไม่บิดเบือน เพราะว่าความเสมอภาคของอำนาจซื้อช่วยกำจัดความแตกต่างของระดับราคาในแต่ละเศรษฐกิจ ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบเศรษฐกิจต่างๆ ได้ในแง่ที่ว่า แต่ละประเทศสามารถซื้อได้มากเพียงใดกับเงินของเองที่ระดับราคาสินค้าที่ขายในประเทศนั้นขาย
ในขณะที่วิธีการวัดขนาดเศรษฐกิจแบบเดิมสะท้อนว่าคนจีนซื้อของในราคาของสหรัฐฯ เท่าใด แต่ความเสมอภาคของอำนาจซื้อตอบคำถามว่าคนจีนซื้อของได้เท่าใดในราคาของจีน
ถ้าหากว่าเศรษฐกิจของจีนใหญ่กว่าสหรัฐฯ แล้ว ต่อไปจะมีผลกระทบในวงกว้างต่อโลกใบนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การเงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านภูมิรัฐศาสตร์