สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า อุตสาหกรรมเรือสำราญของสหรัฐฯ อาจจะต้องขยายระยะเวลาระงับการให้บริการต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. นี้ โดยเบื้องต้นอุตสาหกรรมเรือสำราญในสหรัฐฯ คิดเป็น 95% ของกำลังการเดินเรือสำราญทั่วโลก
สมาคมการเดินเรือสำราญนานาชาติ (CLIA) ออกมาให้ข้อมูลว่า สมาชิกของสมาคมจะใช้เวลาช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับใช้มาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับโควิด-19
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ได้นำเสนอแนวทางการทำงานสำหรับการกลับมาเดินเรือสำราญเมื่อวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ออกคำสั่งห้ามเดินเรือไปตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งมาตรการนี้สิ้นสุดไปเมื่อวันเสาร์ที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา
CLIA ระบุว่า การขยายระยะเวลางดเดินเรือเป็นการทำเพื่อให้อุตสาหกรรมมีเวลาเตรียมความพร้อมมากขึ้นในด้านมาตรการสุขภาพ เพื่อให้เป็นไปตามกรอบแนวทางการเดินเรือตามเงื่อนไขของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ รวมถึงเตรียมการทดสอบโควิด-19 สำหรับปกป้องลูกเรือ
ทั้งนี้ CDC ระบุว่า จะต้องมีการทดสอบและมีการป้องกันเพิ่มเติมสำหรับลูกเรือ ขณะที่คณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบกรณีที่ทำเนียบขาวพยายามกีดกันไม่ให้ CDC ขยายเวลาห้ามเดินเรือไปจนถึงกลางเดือน ก.พ.
CDC ระบุว่า ในเบื้องต้น อุตสาหกรรมการเดินเรือสำราญจะต้องทำการทดสอบโควิด-19 แบบ 100% กับผู้โดยสารและลูกเรือก่อนที่จะขึ้นเรือ ต้องสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางกายภาพ ต้องมีการควบคุมสูงขึ้นในการแวะพักตามชายฝั่งต่างๆ และมีข้อควรระวังอื่นๆ ด้วย
ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเรือสำราญดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มากกว่า 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสนับสนุนการจ้างงานคนอเมริกัน 421,000 งาน ครอบคลุมไปเกือบทุกภาคส่วน ขณะที่ CLIA คาดการณ์ว่า การระงับเดินเรือสำราญ จะทำให้สหรัฐฯ สูญเสียรายได้จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงกระทบการจ้างงานคนอเมริกันมากกว่า 164,000 ตำแหน่ง