เว็บไซต์สภาเศรษฐกิจโลก (weforum.org) ออกรายงานฉบับใหม่ชี้ว่า ขณะนี้ระดับหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณในหลายประเทศทำสถิติสูงสุดในช่วงระหว่างการแพร่ระบาด ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า นี่คือวิธีที่ดีในการจัดหาเงินทุนเพื่อฟื้นฟูประเทศ
สำหรับหนี้สาธารณะในสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดแบบไม่เคยมีมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ประชาชนกลับไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้เลย โดยพบว่า ยอดหนี้ในสหรัฐฯ มีแต่เพิ่มขึ้นจนทะลุขนาดเศรษฐกิจของประเทศ เป็นผลจากการใช้มาตรการเพื่อรองรับผลกระทบโควิด-19
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐบาลทั่วโลกต่างกู้ยืมหนักไม่ต่างกันเพื่อรับมือการแพร่ระบาด
สำหรับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นปรับเปลี่ยนความคิดของคนจำนวนมากเกี่ยวกับขนาดของหนี้สาธารณะ หลายคนรับได้กับแนวคิดในเวลานี้ ด้วยเงื่อนไขที่ว่าเงินถูกนำไปใช้ในสิ่งที่ดี และอัตราดอกเบี้ยยังคงต่ำอยู่
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเอง บันทึกยอดหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนบางประเทศ เช่นแอฟริกาใต้ ต้องออกมาหยุดการจ้างงานภาครัฐในส่วนที่จะเพิ่มความเสี่ยงด้านหนี้
นอกจากนี้คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ระดับ 140% ในประเทศพัฒนาแล้ว และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังคงแนะนำให้กู้ยืมต่อไป
ความเสี่ยงจากการก่อหนี้ที่สูงขึ้นนี้ สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการล้มละลายที่จะตามมา และวิธีการที่ธนาคารกลางอัดฉีดการใช้จ่ายสาธารณะเข้าไป ก็เป็นการเตือนว่าย่อมมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อมมาด้วย
โดยรวมแล้วหนี้สาธารณะที่สูงเป็นประวัติการณ์คาดว่าจะสร้างความท้าทายทางการเงินตามมาในหลายส่วนของโลก ในประเทศกำลังพัฒนา อาจจะไม่สามารถใช้ทรัพยากรแบบเดียวกับประเทศที่ร่ำรวยกว่าได้ และคาดว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญกับปัญหาการจ่ายหนี้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในไม่ช้า