กองทุนเปิดบัวหลวงอินเดียมิดแคปเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INDIAMRMF)

กองทุนเปิดบัวหลวงอินเดียมิดแคปเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-INDIAMRMF)

Highlight ประจำไตรมาส 4Q2020

1.ปัจจัยมหภาคของอินเดียดูดีในทุกด้าน อาทิ ตัวเลข Manufacturing PMI ณ สิ้นเดือน ก.ย. อยู่ที่ 56.8 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2012 ตัวเลขการเติบโตของยอดขายรถยนต์โดยสารที่พลิกกลับมาเป็นบวก เงินทุนสำรองของประเทศที่ทำสถิติสูงสุดที่ 542 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบที่ลดลง ดุลบัญชีเดืนสะพัดเทียบจีดีพีที่กลับมาอยู่ในระดับที่สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ค่าเงินรูปีเทียบดอลลาร์ที่อ่อนค่าเพียง -3% ตั้งแต่ต้นปี เมื่อเทียบกับบราซิล -39% ตุรกี -31% รัสเซีย -26% แอฟริกาใต้ -18% ค่าเงินของประเทศเหล่านี้อ่อนค่ากว่าอินเดียเสียอีก

2.ณ เดือน พ.ย. มียอดรวมผู้ติดเชื้อชาวอินเดียเท่ากับ 8.4 ล้านคน แม้ตัวเลขแบบ Absolute จะดูสูง แต่มีสัญญาณชัดเจนว่าเคสต่อวันได้ลดลงจากเดิมที่ 97,000 -98,000 รายต่อวัน ในเดือนก.ย. เป็น 50,000 รายต่อวัน อัตราการเสียชีวิตลดลงอยู่ที่ 1.6%

ตาราง: จำนวนเคส (สีฟ้า) จำนวนเคสที่อยู่ระหว่างการรักษา (สีส้ม) อัตราการฟื้นจากไข้ (สีเขียว) อัตราการเสียชีวิต (สีแดง)

Source: India Ministry of Health and Family Welfare, Motilal Oswal

3.สภาพคล่องในระบบการเงินมีเพียงพอโดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลาง ธนาคารกลางมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภท Policy Repo Rate ไปแล้วรวม 250 bps สู่อัตรา 4.0% ณ ปัจจุบัน และยังได้ปรับลดอัตราดอเบี้ย Reverse Repo ไป 290 bps สู่ระดับ 3.35% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีเสถียรภาพในระดับที่ต่ำกว่า 4%

4.พอร์ตกองทุนหลักมีสัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่ในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มสถาบันการเงิน (18.08%) วัสดุก่อสร้าง (15.90%) สินค้าอุปโภคบริโภคฟุ่มเฟือย (14.4%) เฮลธ์แคร์ (14.2%) สินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น (10.1%)

ในเดือน ต.ค. กองทุนหลักมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มไอที เฮลธ์แคร์ สินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น ขึ้นจากเดิม และลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค สถาบันการเงิน สินค้าอุปโภคบริโภคฟุ่มเฟือย

หุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุนหลักถือครอง

มุมมองเชิงบวกและลบต่อการลงทุนในหุ้นอินเดียมิดแคป

(+) มหภาคของประเทศอินเดียดูดีจากทุนสำรองระหว่างประเทศที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ทุนสำรองดังกล่าวได้ไต่ระดับขึ้นมาสูงสุดที่ 541.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ (ก.ย. 2020) หรือเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 38% ภายในระยะเวลา 1 ปี จากเดิมที่ 392.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทุนสำรองดังกล่าวสูงเป็นอันดับห้าของโลกรองเพียงจีน ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และรัสเซีย (โดยเพิ่งแซงหน้าซาอุดิอาระเบีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ในปีที่ผ่านมา) เพราะได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันดิบที่ต่ำ มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบที่ลดลงทำให้บัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีขึ้น

(+/-) แม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสสองออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ก็สะท้อนราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว ในปีถัดไปตลาดมองอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนเติบโตระดับ 20-25% (ปีบัญชี FY2022) แต่เนื่องจากเป็นผลของฐานกำไรที่ต่ำในปีนี้จากโควิด-19 ดังนั้นหากปรับฐานให้เหมาะสม (Normalized) คงเติบโตได้ 15-19%

(+/-) ตลาดหุ้น มีมูลค่าตลาดเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ (Market cap to GDP) ในตอนนี้ที่ 74-75% กลับมาสู่ระดับปกติหรือใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว อนึ่ง ช่วงการระบาดของโควิด-19 รอบแรก มูลค่าตลาดเทียบกับขนาดเศรษฐกิจเคยลดลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 56% ดังกราฟ

กองทุนหลัก (Master Fund)

ชื่อ: Kotak Funds – India Midcap Fund ชนิดหน่วยลงทุน Class J ACC

นโยบายการลงทุน: เป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัททั่วโลก ที่มีการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์กระบวนการหรือบริการ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างสูงจากความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี

วันที่จดทะเบียน: 23 พฤษภาคม 2014 (Share class J ACC)

ประเทศที่จดทะเบียน: ลักเซมเบิร์ก

สกุลเงิน: USD

เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): NIFTY Midcap 100

Bloomberg code: KIMDCLJ LX Equity

Fund size: 1,534 Million USD in October (Increased from 1,406 Million USD in June)

*Source: https://www.bblam.co.th/application/files/4716/0516/6744/KF_India_Midcap_Fund-Class_J_1120.pdf

ผลการดำเนินงานกองทุนย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2020)

ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต