ตลาดหุ้นโลกเริ่มต้นปีด้วยโมเมนตัมการฟื้นตัว ก่อนที่จะปรับตัวลงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน โดยปิดติดลบ 1.1% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 1.2% ปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนโดยภาพรวมยังคงเป็น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความคืบหน้าของการแจกจ่ายวัคซีน และการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของ นาย Joe Biden โดยคาดว่าจะมีการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ ปัจจัยลบที่มีเข้ามาในเดือนนี้นั้น ได้แก่ การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นที่กล่าวขวัญกันไปในวงกว้าง อย่างการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงของหุ้น GameStop ซึ่งได้สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับหลายๆ Hedge Funds
ปรากฎการณ์การปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงของหุ้น GameStop นั้น เกิดจากการที่นักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันซื้อหุ้น ผ่านการพูดคุยในแชตรูม (chat room) ของ Reddit โดยเมื่อรวมผลจากปริมาณการขายชอร์ตสะสมที่มีมากถึง 140% ของ Free Float ซึ่งทำให้ผู้ขายต้องเร่งกลับมาซื้อหุ้นคืน (short squeeze) จึงทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงมาก โดยเพิ่มขึ้น 400% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน และถ้านับจากต้นปีถึงจุดสูงสุดนั้น ปรับตัวขึ้นมากถึง 2,458%
มีการรายงานว่า Hedge Fund หลายกอง ที่ได้ทำการชอร์ตนั้น อาจมีผลขาดทุนเป็นจำนวนเงินมหาศาล ราว 5 – 6 แสนล้านบาท เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมว่าหุ้นตัวอื่นๆอาจจะต้องถูกขายลงบ้างเพื่อชดเชยผลขาดทุนนี้
ตลาดการลงทุนปรับตัวผันผวนมากขึ้น สะท้อนผ่าน VIX Index ที่ปรับตัวสูงขึ้น 51% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนทั้งนี้ แม้ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นกับ Hedge Fund บางกองทุนเป็นจำนวนมาก เช่น Melvin Capital ที่ขาดทุนมากถึง 53% ของเงินกองทุนในเดือนมกราคม และจะต้องหาเงินมาเพิ่มราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็คงไม่ได้มากเพียงพอที่จะทำลายภาวะตลาดที่อยู่ในโหมดการฟื้นตัวไปได้ โดยเมื่อคำนึงถึงสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มเข้าต่อเนื่องจาก Fed และการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนตลอดปีหน้า ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเพียงผลลบต่อโมเมนตัมในระยะสั้น ทำให้บรรยากาศการลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น GameStop นั้น มาจากความที่หุ้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนักและมีปริมาณการขายชอร์ตที่สูงผิดปกติ ดังนั้น ผลกระทบต่อการลงทุนโดยรวมคงอยู่ในวงจำกัด
ด้านตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมกราคม นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย ในเดือนมกราคม ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท จากที่ซื้อสุทธิในเดือนก่อนหน้าที่ 2.5 หมื่นล้านบาท กระแสเงินลงทุนชะลอลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค
สำหรับในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ครบถ้วน โดยตลาดคาดว่าจะฟื้นตัว QoQ และ YoY โดยต้องติดตามว่าเป็นไปตามคาดการณ์มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการปรับประมาณการณ์ในปีนี้ และระดับ Valuation ที่เหมาะสมของตลาดหุ้นไทย
แนวโน้มการลงทุนในระยะข้างหน้า ตลาดจะยังให้ความสำคัญกับ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นโยบายจากประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ และ สถานการณ์การแพร่ระบาดและความคืบหน้าในการแจกจ่ายวัคซีน
กลยุทธ์การลงทุน ยังต้องมีความ Selective จากระดับ Valuation ของตลาดโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ตึงตัว โดยเน้น หุ้นเติบโต (Growth) และหุ้นวัฏจักร (Cyclicals) ที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และให้น้ำหนักมากขึ้นกับหุ้นที่มีแนวโน้มดีเพิ่มขึ้นหลังการประกาศผลประกอบการ
Fund Comment
Fund Comment มกราคม 2564 : ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นโลกเริ่มต้นปีด้วยโมเมนตัมการฟื้นตัว ก่อนที่จะปรับตัวลงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน โดยปิดติดลบ 1.1% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 1.2% ปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนโดยภาพรวมยังคงเป็น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความคืบหน้าของการแจกจ่ายวัคซีน และการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของ นาย Joe Biden โดยคาดว่าจะมีการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ ปัจจัยลบที่มีเข้ามาในเดือนนี้นั้น ได้แก่ การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จากคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นที่กล่าวขวัญกันไปในวงกว้าง อย่างการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงของหุ้น GameStop ซึ่งได้สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับหลายๆ Hedge Funds
ปรากฎการณ์การปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงของหุ้น GameStop นั้น เกิดจากการที่นักลงทุนรายย่อยรวมตัวกันซื้อหุ้น ผ่านการพูดคุยในแชตรูม (chat room) ของ Reddit โดยเมื่อรวมผลจากปริมาณการขายชอร์ตสะสมที่มีมากถึง 140% ของ Free Float ซึ่งทำให้ผู้ขายต้องเร่งกลับมาซื้อหุ้นคืน (short squeeze) จึงทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงมาก โดยเพิ่มขึ้น 400% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน และถ้านับจากต้นปีถึงจุดสูงสุดนั้น ปรับตัวขึ้นมากถึง 2,458%
มีการรายงานว่า Hedge Fund หลายกอง ที่ได้ทำการชอร์ตนั้น อาจมีผลขาดทุนเป็นจำนวนเงินมหาศาล ราว 5 – 6 แสนล้านบาท เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมว่าหุ้นตัวอื่นๆอาจจะต้องถูกขายลงบ้างเพื่อชดเชยผลขาดทุนนี้
ตลาดการลงทุนปรับตัวผันผวนมากขึ้น สะท้อนผ่าน VIX Index ที่ปรับตัวสูงขึ้น 51% ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนทั้งนี้ แม้ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นกับ Hedge Fund บางกองทุนเป็นจำนวนมาก เช่น Melvin Capital ที่ขาดทุนมากถึง 53% ของเงินกองทุนในเดือนมกราคม และจะต้องหาเงินมาเพิ่มราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็คงไม่ได้มากเพียงพอที่จะทำลายภาวะตลาดที่อยู่ในโหมดการฟื้นตัวไปได้ โดยเมื่อคำนึงถึงสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มเข้าต่อเนื่องจาก Fed และการคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนตลอดปีหน้า ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเพียงผลลบต่อโมเมนตัมในระยะสั้น ทำให้บรรยากาศการลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น GameStop นั้น มาจากความที่หุ้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนักและมีปริมาณการขายชอร์ตที่สูงผิดปกติ ดังนั้น ผลกระทบต่อการลงทุนโดยรวมคงอยู่ในวงจำกัด
ด้านตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมกราคม นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย ในเดือนมกราคม ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท จากที่ซื้อสุทธิในเดือนก่อนหน้าที่ 2.5 หมื่นล้านบาท กระแสเงินลงทุนชะลอลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค
สำหรับในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ครบถ้วน โดยตลาดคาดว่าจะฟื้นตัว QoQ และ YoY โดยต้องติดตามว่าเป็นไปตามคาดการณ์มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการปรับประมาณการณ์ในปีนี้ และระดับ Valuation ที่เหมาะสมของตลาดหุ้นไทย
แนวโน้มการลงทุนในระยะข้างหน้า ตลาดจะยังให้ความสำคัญกับ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นโยบายจากประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ และ สถานการณ์การแพร่ระบาดและความคืบหน้าในการแจกจ่ายวัคซีน
กลยุทธ์การลงทุน ยังต้องมีความ Selective จากระดับ Valuation ของตลาดโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ตึงตัว โดยเน้น หุ้นเติบโต (Growth) และหุ้นวัฏจักร (Cyclicals) ที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และให้น้ำหนักมากขึ้นกับหุ้นที่มีแนวโน้มดีเพิ่มขึ้นหลังการประกาศผลประกอบการ