โดย…ทนง ขันทอง
Knight Frank เพิ่งจะออกรายงานWealth Report โดยพบว่า การระบาดของไวรัสเป็นข่าวดีสำหรับมหาเศรษฐีระดับซุปเปอร์ริช เนื่องจากราคาทรัพย์สินมีค่าเพิ่มสูงขึ้นจากดอกเบี้ยที่ลดลง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของรัฐบาลต่างๆ
จำนวนมหาเศรษฐีที่รวยมากๆ (ultra-high-net worth individual หรือ UHNWI) ของโลก เพิ่มขึ้น 2.4% ในรอบปีที่ผ่านมา โดยในเอเชียมีตัวเลขที่เติบโตสูงสุดคือ 12%
ความเหลื่อมล้ำจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการสะสมความมั่งคั่งในอนาคต และจะมีแรงกดดันทางการเมืองให้มีการเก็บภาษีความมั่งคั่งในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา แคนาดา เกาหลีใต้
Wealth Report ของ Knight Frank ได้เจาะลึกประเด็นที่ว่า จะต้องมีความมั่งคั่งเท่าใดถึงจะถูกนับรวมว่าเป็นมหาเศรษฐี UHNWI ซึ่งแน่นอนตัวเลขจะมีความแตกต่างกันไป ไม่เท่ากันในประเทศต่างๆ
โมนาโคขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศของมหาเศรษฐี เพราะว่ามีจำนวนมหาเศรษฐีอยู่รวมกันหนาแน่นมากที่สุด การที่บุคคลหนึ่งจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มมหาเศรษฐีของโมนาโคได้ต้องมีความมั่งคั่งอย่างน้อย 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สวิตเซอร์แลนด์ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีคนรวยระดับ UHNWI มาก จะเข้าทำเนียบมหาเศรษฐีได้ต้องมีความมั่งคั่งอย่างน้อย 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สหรัฐอเมริกามีจำนวนประชากรที่ถูกจัดกลุ่ม UHNWI มากที่สุด คือ 180,000 คน โดยมีความมั่งคั่งอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป แต่ถ้ามี 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มคนรวย 1% ของประเทศ
ส่วนในประเทศที่กำลังพัฒนา ตัวเลขของ UHNWI จะต่ำลงไปตามลำดับ สำหรับคนจีนแล้ว การที่จะถูกนับรวมว่าเป็นคนรวย 1% ของประเทศ ต้องมีความมั่งคั่งอย่างน้อย 850,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020
ส่วนอินเดียมีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเลขความมั่งคั่งสำหรับคนอินเดียที่ถูกจัดกลุ่มว่าเป็นเศรษฐี 1% เท่ากับ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม Knight Frank คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ตัวเลขความมั่งคั่งนี้ของอินเดียจะเพิ่มเป็นเท่าตัว
ที่มา : https://www.statista.com/chart/24321/level-of-net-worth-needed-to-join-the-1-percent/