สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ผู้ประกอบการอังกฤษออกมาเรียกร้องรัฐบาลลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และการปรับปรุงอาคารเพื่อให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนที่ Rishi Sunak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะมีการทบทวนนโยบายภาษีในช่วงปลายเดือน มี.ค. นี้ โดย สมาพันธ์อุตสาหกรรมของอังกฤษ หรือ CBI ระบุว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มของรถยนต์ไฟฟ้าและต้นทุนในการใช้สถานีชาร์จไฟสาธารณะ ควรจะลดลงจากอัตรามาตรฐานที่ 20%
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจควรไม่ต้องเผชิญกับการจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น ถ้าพวกเขาปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารของพวกเขา ซึ่งโดยปกติจะทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นและมีภาระภาษีที่ต้องชำระเพิ่มตาม
“ระบบภาษีซึ่งไม่สนับสนุนพฤติกรรมการก่อมลพิษและให้รางวัลกับการใช้ทางเลือกสีเขียวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปลดล๊อคที่จะทำให้เกิดการลงทุนที่เหมาะสม” Rain Newton-Smith หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ CBI กล่าว
สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทอังกฤษได้รับลดหย่อนภาษีระยะสั้น มูลค่า 24,000 ล้านปอนด์ (33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) กว่า 2 ปี เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาลงทุน แต่พวกเขาเผชิญกับภาษีรายได้องค์กรที่ปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1974
CBI ระบุว่า การลดหย่อนภาษีนั้น คล้ายกับให้ส่วนลดกับธุรกิจเชิงกายภาพต่างๆ ที่จะลงทุนในช่วง 2 ปีข้างหน้า ซึ่งควรจะมีการขยายให้ครอบคลุมสำหรับเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอาคารด้วย
ทั้งนี้ Sunak วางแผนจะเริ่มทบทวนนโยบายภาษีระยะยาวของอังกฤษ วันที่ 23 มี.ค. นี้ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้คำแนะนำว่า การมีภาษีสีเขียวเป็นแนวทางสำหรับอังกฤษที่จะลดงบประมาณขาดดุลของตัวเอง ขณะที่รัฐบาลก็มีความกระตือรือร้นที่จะก้าวไปข้างหน้าในการทำให้ได้ตามเป้าหมายการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อม COP26 ของสหประชาชาติปลายปีนี้
CBI มีการเจาะจงน้อยเกี่ยวกับขอบเขตที่จะเพิ่มภาษี โดยสมาคมฯ เรียกร้องให้ทบทวนเกี่ยวกับการใช้รถยนต์เชื้อเพลิง ที่แช่แข็งมา 9 ปีแล้ว และต้องการความชัดเจนระยะยาวเกี่ยวกับการกำหนดราคาคาร์บอน ภายใต้โครงการซื้อขายการปล่อยมลภาวะของอังกฤษ